เมืองไทย 360 องศา
เรียกว่าเดินหน้าเต็มพิกัดสำหรับโครงการ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” หรือ สถานบันเทิงครบวงจร หลังจากที่รัฐบาลเตรียมดัน ร่าง พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าสภาในวันที่ 9 เมษายน นี้ ก่อนที่สภาจะปิดสมัยประชุมใน วันที่ 10 เมษายน โดยจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาต่อเนื่องกันไป เพื่อให้ทันเห็นชอบในสมัยประชุมครั้งถัดไปทันที
จากการเปิดเผยของ นายวิสุทธิ์ ไชณยรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ว่า วิปรัฐบาลจะพิจารณาเรื่องนี้โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง เพื่อทำความเข้าใจกับวิปรัฐบาลก่อน และหลังจากนั้นประมาณวันที่ 3 เม.ย. จะขอสภาฯบรรจุในระเบียบวาระ วันที่ 9 เม.ย. คิดว่าไม่เร็วเกินไป เป็นเวลาที่พอดีเพราะเรื่องนี้ได้พิจารณามานานแล้ว ไม่ใช่เร่งด่วนอะไร และตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ก็เคยมีการพิจารณา และเมื่อมาสภาฯ ชุดปัจจุบัน ก็พิจารณาไปแล้วประมาณปีเศษโดยมีการศึกษาแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอย่างที่ใครเขาว่า
“ถ้าตัดสินใจจะทำอะไรก็ต้องทำ ถ้าไม่ตัดสินใจ หรือเป็นการตัดสินใจที่ช้า ก็ไม่ได้ทำ ทุกอย่างต้องรอบคอบ สภาฯจะเป็นที่พิสูจน์ได้ว่าเรื่องไหนที่สำคัญ เมื่อเข้าที่ประชุมแล้ว ก็ให้สส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้อภิปรายเต็มที่ และพี่น้องประชาชนก็รับฟังว่าข้อมูล และสิ่งสำคัญที่รัฐบาลนำเสนอ โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้นจะเป็นประโยชน์กับประชาชนหรือไม่”
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีร่างของพรรคการเมืองหรือไม่ จึงน่าจะใช้ ร่างของครม. และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ซึ่งการพิจารณาใน วันที่ 9 เม.ย. นี้ จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อให้กรรมาธิการพิจารณาในช่วงปิดสมัยประชุม เพื่อใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ที่สุด
“ประเทศเราต้องหาเงิน รัฐบาลก็ต้องหาตังค์ ซึ่งหลายโครงการก็อยากได้และอยากให้ดูแล อย่างผมกลับไปบ้าน ซึ่งอยู่ชนบทผู้สูงอายุก็อยากให้เพิ่มเงินผู้สูงอายุให้มากขึ้น คนพิการก็อยากได้มากขึ้น ฉะนั้น ที่จะทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็ต้องดูว่ารัฐบาลจะหาเงินมาจากที่ไหน ฉะนั้น เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก็เป็นอีกทางหนึ่ง จึงอย่าไปกังวล หลายคนก็อธิบายจนผิด คิดว่าเปิดผ่อนการพนันเสรี อันนี้ไม่จริง เพราะเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นสถานบันเทิงครบวงจรที่ต้องทำและมีการพนันไม่เกิน 10 เปอร์เซนต์ และไม่ได้มีทุกจังหวัด เราก็ต้องชี้แจง แต่หลายคนไปตีข่าวใหญ่โตว่า เปิดทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ซึ่งเกินความจริง แต่คงมี 2-3 ที่ในประเทศนี้ ที่มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามา และไม่ใช่ว่าใครอยากเดินเข้าไปเล่นการพนันก็ได้ ที่ผมไปเห็นมาเขาตรวจบัตรสารพัด ถ้าครอบครัวหนึ่งไปเล่น ลูกหรือพ่อแม่ไม่พอใจแล้วไปแจ้ง เขาก็ไม่ให้เข้า นักการเมืองเขาก็ไม่ให้เข้าเพราะกลัวจะไปฟอกเงิน ดังนั้น จะพูดต้องพูดให้ครบ และสิ่งที่อยู่ใต้ดินทุกวันนี้ ก็มีอยู่แล้ว บ่อนการพนันมีให้เห็นตั้งแต่จำความได้ ทำไมไม่ทำให้ถูกกฎหมายแล้วเก็บภาษีมาใช้ให้เกิดประโยชน์” นายวิสุทธิ์ กล่าว
ส่วนที่ขณะนี้มีม็อบมาคัดค้านเรื่องนี้ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ไม่เห็นด้วยก็คัดค้านไป ม็อบมาก็ยินดี สามารถแสดงความคิดเห็นได้ เพราะประเทศนี้เป็นประเทศประชาธิปไตย อย่าให้เห็นเหมือนกันทั้งหมด ต้องมีคนคัดค้านบ้าง แต่ไม่ใช่ข้อกังวลที่เราทำอะไรไม่ได้เลย จึงไม่กังวลอะไร ถ้ากลัวก็ไม่ทำ ทำแล้วไม่กลัวแน่นอน
เอาเป็นว่า เมื่อได้ฟังประธานวิปรัฐบาล กล่าวแบบนี้ก็ต้องมองออกได้ทันทีเลยว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องเดินหน้า “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” เต็มกำลัง และ “เร่งด่วน” อีกด้วย นั่นคือ เมื่อเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรใน วันที่ 9 เมษายน ตามกำหนดแล้ว คงมีการรับหลักการวาระ 1 จากนั้นตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณากันต่อเนื่อง แม้ว่าวันรุ่งขึ้น คือ วันที่ 10 เมษายน จะเป็นวันปิดสมัยประชุมก็ตาม เพราะเมื่อมีการเปิดสมัยประชุมอีกครั้ง ก็นำเข้าวาระลงมติในวาระสอง สามจนถึงบังคับใช้ได้อย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่า “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ” เป็นนโยบาย “เรือธง” ของพรรคเพื่อไทย ที่ผลักดัน โดยนายทักษิณ ชินวัตร ย่อมต้องเดินหน้ากันเต็มตัวอยู่แล้ว แต่ที่ถูกจับตา และมีเสียงต่อต้านดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะมาจากการ “สอดไส้” เรื่อง “บ่อนการพนัน” พ่วงเข้ามาด้วย ทำให้หลายคนเป็นห่วงว่า “ได้ไม่คุ้มเสีย” และมองออกว่าเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องหลัก ทั้งที่เป็น “อบายมุข” ที่สำคัญยังไม่มีการเปิดให้มีการแสดงความเห็นอย่างเปิดเผย รวมไปถึงการลงประชามติ จากเรื่องที่ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมามีเสียงคัดค้านดังขึ้นเรื่อยๆ จนเวลานี้เกิดการชุมนุมต่อต้าน และที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งรัดนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทันที หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง และผ่านการอนุมัติออกมาอย่างรวดเร็ว และน่าสังเกตก็คือ ในการนำเข้าสภาในวันที่ 9 เมษายน จะมีเพียงร่างกฎหมายของคณะรัฐมนตรีเพียงร่างเดียว จะไม่มีร่างของพรรคการเมืองเข้าประกบแต่อย่างใด ทำให้เชื่อว่า เมื่อมีการเปิดสมัยประชุมครั้งหน้าก็จะนำเข้าพิจารณา และโหวตวาระสามทันที
การเร่งรีบแบบนี้ ทางหนึ่งย่อมต้องเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นว่า นี่คือ “เรื่องเร่งด่วน” สำหรับรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ที่นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และย้ำว่า เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการท่องเที่ยว รวมไปถึงยังย้ำอีกว่า “บ่อน” หรือ “กาสิโน” มีแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ สำหรับโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ แต่หลายคนมองว่า มันไม่ชอบมาพากลทั้งในเรื่องการออกใบอนุญาต การร่วมมือกันกับกลุ่มทุนเทา การเปิดทางให้มีการฟอกเงิน
ที่สำคัญที่สุดก็คือ “ได้ไม่คุ้นเสีย” เพราะเรื่องการเปิดบ่อนการพนัน ไม่ว่าจะถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย มันเป็น“อบายมุข” ไม่ว่าใครไม่ควรไปข้องแวะ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ “พนันออนไลน์” ที่น่าจะเป็น “หายนะร่วมสมัย” สำหรับทุกเพศทุกวัย ดังนั้น เชื่อว่านับจากนี้หากรัฐบาลยังเดินหน้าในเรื่องนี้ต่อไป เชื่อว่าแรงต้านก็จะขยายวงออกไป จนทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้งแน่นอน !!