xs
xsm
sm
md
lg

จุดอ่อน-ศรัทธารุมเร้า รัฐบาล มาเร็ว ไปเร็ว!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

มีการทำนายกันล่วงหน้าว่ารัฐบาลชุดนี้ ที่นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะมีอายุสั้น บางคนถึงขั้นฟันธงว่าไม่น่าจะเกินต้นปีหน้า โดยให้เหตุผลประกอบว่า พวกเขามีจุดอ่อน และมีความสุ่มเสี่ยงมากมาย ที่สำคัญเริ่มต้นด้วย “ความศรัทธา” ที่เสื่อมถอย ขณะเดียวกันยังมองว่า ยังยากที่จะฝ่าด่านด้านเศรษฐกิจที่เป็น “ด่านหิน” ที่สุด

รัฐบาลชุดนี้เริ่มต้นด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ตั้งแต่ขั้นตอนการเริ่มฟอร์มรัฐบาล ด้วยการถูกระบุว่า “ครอบครองด้วยอดีตนักโทษ” อย่างนายทักษิณ ชินวัตร มีบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เข้าไปหารือทำข้อตกลง กำหนดเงื่อนไขกันในบ้านพักส่วนตัว ซึ่งหมิ่นเหม่ต่อการทำผิดกฎหมาย เข้าข่าย “ครอบงำ” จากคนนอก และประเด็นนี้กำลังถูกนำขึ้นมาร้องเรียน พร้อมกับการหาหลักฐานมามัดตัว ถึงขั้นอ้างถึง “เทปลับ” บางอย่าง รวมไปถึงการร้องให้มีการ “ยุบพรรค” ทั้ง 6 พรรค ที่เข้าร่วมหารือที่บ้าน “จันทร์ส่องหล้า” ในวันนั้นอีกด้วย

แม้ว่าที่ผ่านมาอาจเข้าใจว่า นายทักษิณ ชินวัตร จะได้รับความนิยมมาก่อน แต่นั่นเมื่อนับสิบปีที่แล้ว ปัจจุบันภาพความทรงจำเหล่านั้นลดน้อยถอยลง มีแต่ภาพของการเป็นนักโทษแบบ “อภิสิทธิ์ชน” เหนือมาตรฐานกระบวนการยุติธรรม เข้ามา “จุ้น” ตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาล ไปจนถึงกำหนดพรรคการเมืองเข้า-ออกรัฐบาล รวมไปถึงกำหนดตัวรัฐมนตรี และนโยบายสำคัญของรัฐบาล“ลูกสาว”ตัวเอง

มาจนถึงการฟอร์มคณะรัฐมนตรี ที่ล้วนมาตามโควตา จากพรรคการเมือง “กลุ่มก๊วน” การเมือง มีการถ่ายโอนสืบทอด จากพ่อสู่ลูก พี่สู่น้อง เพื่อนพ้องน้องพี่ จนถูกเรียกว่า “รัฐบาลครอบครัว” เป็นภาพสะท้อนได้อย่างดี

ขณะเดียวกันจากภาพลักษณ์ในการเป็น “รัฐบาลครอบครัว” ดังกล่าวแล้ว มันยังมีภาพซ้อนในเรื่องปัญหา “คุณสมบัติ” ของรัฐมนตรีหลายคน จากแทบทุกพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล เพราะนอกเหนือจากกลายเป็นจุดอ่อนด้านความศรัทธาแล้ว ยังจะกลายเป็นการเปิดช่องให้มีการร้องเรียน จนอาจทำให้รัฐบาลชุดนี้มีอายุสั้น ซึ่งมีแนวโน้มว่าอาจจะอายุสั้นกว่ารัฐบาลชุดที่แล้ว ที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน เสียอีก

โดยเฉพาะปัญหาเรื่อง“จริยธรรม” และความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ ตามมาตรฐานใหม่ ที่เวลานี้กำลังสั่นคลอนขวัญของบรรดารัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายหลายคน นับตั้งแต่ นายกรัฐมนตรีลงมาเลยทีเดียว เพราะแต่ละคนล้วนมีแบ็กกราวด์ ที่น่าสงสัยทั้งสิ้น

ที่แน่ๆ สำหรับตัว “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ยังไม่ทันเริ่มต้นทำหน้าที่อย่างเป็นทางการ ก็มีข้อร้องเรียนทั้งทางกฎหมาย และจริยธรรมไปแล้วไม่ต่ำกว่า 5 กรณี และกำลังทยอยเข้ามาเรื่อยๆ จนเจ้าตัวโอดครวญว่า ให้ “เบาหน่อย” อ้างว่าตัวเองอายุยังน้อย และลูกยังเล็ก อะไรประมาณนั้น

นอกจากนี้ หากโฟกัสเฉพาะเรื่องความเสื่อมศรัทธาในภาพรวมๆแล้ว ทั้งในเรื่องพฤติกรรมส่วนตัวบุคคล และพรรคการเมืองแล้ว เป็นการทำลายความรู้สึกของมวลชนที่เคยให้การสนับสนุน ทั้งจากพรรคเพื่อไทยเอง ที่มวลชนไม่เห็นด้วยที่มาร่วมรัฐบาลกับอดีตที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ซึ่งต่อเนื่องมาจากการ “ข้ามขั้ว” จัดตั้งรัฐบาลคราวก่อน

กรณีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีแกนนำพรรค อย่าง นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ที่เคยเป็นแกนนำ กปปส. ต่อต้านขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ มาก่อนเข้าร่วมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาลนี้ การดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วม นอกจากเป็นการทำลายพรรคเก่าแก่พรรคนี้ให้พังยับเยินแล้ว แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ย้อนกลับมาทำลายพรรคเพื่อไทย เช่นเดียวกัน ทำให้ฝ่ายที่เคยสนับสนุน เช่น คนเสื้อแดงไม่น้อยที่รับไม่ได้ แม้ว่ายังมีอีกจำนวนหนึ่งที่เห็นตรงข้ามก็ตาม

หรือแม้แต่กรณี “กำจัดลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรคพลังประชารัฐ ออกจากรัฐบาล แต่การดูดเอา “กลุ่มผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้าไปเป็นรัฐบาล โดยมอบโควตารัฐมนตรีให้ 3 ตำแหน่ง แต่ในทางการเมืองและในทางกฎหมาย ก็กลายเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อน เพราะส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมที่มีลักษณะ “ครอบงำ” และแทรกแซงราชการประจำ ล่าสุดจากการเข้ามาเหมือนกำกับ “สั่งการ” แทนรัฐมนตรี ในการไปตรวจเยี่ยม ดูสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.ชัยนาท และจ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์

แต่เรื่องนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า บอกว่า ที่ตนเองถูกวิพากวิจารณ์ว่า ทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 ที่ห้ามสส.และสว. แทรกแซงการทำงานของฝ่ายบริหารนั้น ตนรู้ข้อกฎหมายดี เพราะรัฐมนตรีใหม่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ก็ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ซึ่งนางนฤมล นายอัครา และ นายอิทธิ น่าจะเป็นผู้ติดตามตนมากกว่า เพราะทั้ง 3 คน ยังไม่สามารถสั่งการอะไรได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพฤติกรรมส่วนตัวและความเคลื่อนไหวทั้งในระดับพรรคการเมืองดังกล่าว มีความสุ่มเสี่ยงที่มีปัญหาด้าน “จริยธรรม” และความซื่อสัตย์ ที่หลายคนมองว่า มีการร้องเรียน “ขัดขา” ที่น่ารำคาญก็ตาม แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน หากคนในรัฐบาลยังทำตัว “ท้าทายกฎหมาย” ไม่แคร์ความรู้สึกของสังคม อาจคิดว่าไม่มีใครทำอะไรได้ จึงย่ามใจ แต่ขณะเดียวกัน นี่แหละคือ “จุดอ่อน” ที่กำลังจะนำพาให้รัฐบาลที่เรียกว่า “อุ๊งอิ๊ง1” พังเร็วขึ้น และอาจไปเร็วยิ่งกว่ารัฐบาลชุดก่อนเสียอีก

เพราะเวลานี้เต็มไปด้วยจุดอ่อน และมีความเสี่ยงมากมายประดังเข้ามา แม้ว่าพวกเขาอาจมั่นใจว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นไม้เด็ดสำคัญ แต่นั่นมันก็ไม่ง่ายสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่กำลังกลายเป็นวิกฤตระดับโลกที่ยืดเยื้อ และประเทศที่กำลังมีปัญหาเรื่อง “หนี้สิน” มันถึงบอกว่ามันเป็นเรื่องยากจริงๆ !!



กำลังโหลดความคิดเห็น