xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลครอบครัว เริ่มฝ่าวิกฤติศรัทธา !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา


ประกาศแต่งตั้งกันไปเรียบร้อยสำหรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ รัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง 1” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งตามไทม์ไลน์หลังจากมีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้วก็จะประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกซึ่งเป็นนัดพิเศษวันเสาร์ที่ 7 กันยายน ก่อนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ที่คาดว่าจะเป็นวันที่ 11 หรือ 12 กันยายนนี้


สำหรับรายชื่อส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามโผเดิมที่ปรากฏไปก่อนหน้านี้ และที่สำคัญมีลักษณะเป็น “รัฐบาลครอบครัว” อย่างที่มีเสียงวิจารณ์กัน เพราะหากไล่เรียงกันตั้งแต่ตัว นายกรัฐมนตรีเอง และรัฐมนตรีอีกหลายคน ล้วนเป็นคนในครอบครัว เช่น ส่งต่อจากพ่อมาถึงลูก ลูกมาพ่อ พี่มาถึงน้อง รวมไปถึงบางคนที่เป็นตัวแทนจาก “กลุ่มก๊วน” ที่เข้าร่วมรัฐบาล

เริ่มตั้งแต่ตัวนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่สืบทอดมาจากพ่อ คือ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกมองเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย ในลักษณะของ “ลูกเถ้าแก่” ไม่ใช่มาจากประสบการณ์ หรือความสำเร็จทางธุรกิจหรือทางการเมืองมาก่อน

น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มาแทน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ผู้เป็นพ่อ และนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาแทน ลูกชาย คือนายอรรถกร ศิริลัทธยากร หรือ จากพี่มาสู่น้องคือกรณีของ นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาแทน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นต้น และยังมีส่งคนใกล้ชิดในกลุ่มก๊วนที่เป็นเครือข่ายเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนตัวเองที่มีความเสี่ยงด้านคุณสมบัติ เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แกนนำคนสำคัญของรัฐบาล กล่าวถึง การวิพากษ์วิจารณ์เรื่องประวัติรัฐมนตรีบางคน ว่าเป็นไปตามกระบวนการ อย่าไปคิดแบบนั้น หากเป็นแบบเดิมคงเรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะมีคำว่าหลักจริยธรรม หรือตีความมาก ทำให้เกิดการเสียเวลา แต่มีหลายคนคิดว่าไม่อยากให้เป็นประเด็น จึงเอาลูกหลาน คนรู้จัก คนมีความสามารถ เข้ามาทำงานแทน ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่า การเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลจะทำให้คนเก่ามีปัญหา

เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ว่าเป็น ครม.ครอบครัว นายภูมิธรรม กล่าวว่า พูดตรงนี้ไม่ได้ ให้รอผลการดำเนินการเสร็จสิ้นก่อน แต่ไม่อยากให้เอาคำว่าครอบครัวมาเกี่ยวข้อง เพราะวันนี้วัดคนที่ความสามารถเข้ามาทำงาน ใครมีความสามารถ จะคนในครอบครัว หรือคนคิดเห็นไม่เหมือนกัน หากมีศักยภาพก็เอาเข้ามาทำงาน

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่าถึงกรณีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส่ง น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ ลูกสาวมาดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ประเด็นดังกล่าวได้มีการตรวจสอบแล้ว ในส่วนของนายชาดา ซึ่งได้บอกเองว่า ในเมื่อช่วงนี้ผู้คนให้ความสนใจในเรื่องของจริยธรรม และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีของอดีตนายกฯ เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เป็นข้อครหา คลายความสงสัย ความกังวลต่างๆ จึงขอถอนตัวจากการได้รับการเสนอชื่อ แต่เนื่องจากในระบบการเมืองแบบนี้ เราก็ต้องให้สิทธิ์กับนายชาดา ในการที่จะเสนอชื่อบุคคลที่คิดว่าจะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ และตนเองในฐานะหัวหน้าพรรค ก็ได้มีการตรวจสอบว่าคนที่นายชาดาเสนอมานั้น มีประสบการณ์ มีความรู้ มีการศึกษา มีทัศนคติที่ดีในการรับใช้บ้านเมืองอย่างไรบ้าง ถ้าตรงคุณสมบัติเบื้องต้นเหล่านี้ ตนเองก็ยินดีที่จะเสนอชื่อให้บุคคลนั้นได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในส่วนที่ขาดหายไป ซึ่งตรงนี้เองยืนยันว่ามีการตรวจสอบชัดเจน ทั้งตนเองและพรรค เมื่อนำรายชื่อส่งไปสำนักงานเลขารัฐมนตรีแล้ว ก็จะมีการตรวจสอบอีกชั้น ผ่านกฤษฎีกาต่างๆ ที่มีการตรวจสอบประวัติ ผ่านหน่วนงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอีกหลายหน่วยงาน

“พรรคภูมิใจไทยเราเองก็มีการกลั่นกรองเท่าที่เราจะกลั่นกรองได้ในสารบบต่างๆ ถ้าบุคคลไหนมีเรื่องของคดี ที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย เป็นผลร้ายต่อสังคม หรือเป็นอาชญากร มีเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติดต่างๆ เหล่านี้เราก็ไม่เสนออยู่แล้ว เพราะคนที่เสนอชื่อ ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบเช่นกัน ไม่ใช่ว่านายกฯ ในฐานะผู้รับสนองพระบรมราชโองการ จะต้องรับผิดชอบฝ่ายเดียว คนที่เสนอชื่อให้นายกฯ ทูลเกล้าก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบเช่นกัน ทำให้เห็นว่าในแต่ละขั้นตอนจะต้องมีการตรวจสอบและกลั่นกรองมาอย่างเข้มงวด เท่าที่เราจะตรวจสอบได้ และให้เจ้าตัวที่ถูกเสนอชื่อได้รับรองประวัติตัวเองด้วย ซึ่งเป็นการสกรีนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”

นั่นเป็นคำอธิบายจากระดับแกนนำรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาลถึงเหตุผลของการตั้งรัฐมนตรีแบบนี้ โดยอ้างอิงระบบการเมืองที่เป็นอยู่ และมีคุณสมบัติ และความ

อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวด์ และประสบการณ์ความสำเร็จของรัฐมนตรีแต่ละคน ตั้งแต่ตัว นายกรัฐมนตรีลงมา ล้วนแล้วมีแต่คำถามและไม่ค่อยเชื่อมั่น รวมทั้งเมื่อพิจารณาจากคำถามเรื่อง “จริยธรรม” แล้ว ยิ่งทำให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ชุดนี้ มีลักษณะค่อนไปทาง “สีเทา” มากขึ้น ซึ่งย่อมมีผลกระทบต่อ “ศรัทธา” จากประชาชนตามมาแบบเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ รัฐมนตรีหลายคนยังต้องถูกการร้องเรียนจากกรณีทำผิดกฎหมาย การกระทำที่ขาดจริยธรรม ไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ ตามมาตราฐานใหม่ ทำให้หลายคนมีความเสี่ยงที่จะต้องพ้นจากตำแหน่ง เสี่ยงคุกตะรางอีกด้วย

แน่นอนว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ยังทำลายความชอบธรรมลงไปมาก โดยเฉพาะจากการแทรกแซงของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ระบุว่าเป็น “ผู้ครอบครอง” นายกรัฐมนตรี รวมไปถึงเข้าไปจัดการที่มองเห็นว่า เขาเป็นคนเอาพรรคนั้นออก และดึงบางพรรค บางกลุ่มเข้าร่วมรัฐบาล มีการมองว่ายังเป็นการฉวยโอกาสทำลายบางพรรคการเมือง “กำจัด” ศัตรูเก่าทางการเมือง เช่น ทำลายพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ รวมไปถึงพรรคไทยสร้างไทย ลงไปในคราวเดียวกัน

หากพิจารณาถึงเส้นทางข้างหน้าของ รัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง1” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ทำให้หลายคนมองว่า ไม่น่าจะไปได้ไกลนัก เพราะเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังรุมเร้า ล้วนเป็นโจทก์ยาก เพราะบางอย่างควบคุมยาก เช่น วิกฤตการค้าโลก

ปัญหาจากนโยบายสำคัญของรัฐบาลเอง เช่น “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่แม้ว่าจะกลับลำหันมา “แจกเงินสด” ทั้งโครงการแล้ว โดยจะแจกงวดแรกต้องไม่เกินวันที่ 30 กันยายนนี้ หลังจากนั้นก็จะเริ่ม เฟส 2 แต่คำถามก็คือ จะหา“แหล่งเงินมาจากไหน” เพราะเวลานี้มีเงินอยู่ในมือแค่ ประมาณ 1.8 แสนล้านบาทเท่านั้น จากงบรายจ่ายเพิ่มเติมปี 67 จำนวน 1.22 แสนล้านบาทบวกกับงบที่โยกมาจากการจ่ายหนี้ธนาคารของรัฐอีก 3.5 หมื่นล้านบาท พอแจกล็อตแรกที่เป็นกลุ่มเปราะบางราว 14 ล้านคน ยังต้องหามาเติมให้ครบ 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งตอนนี้ยังมองไม่เห็นทางว่าจะหามาจากไหน ทำให้คาดกันว่าน่าจะต้อง “กู้เพิ่ม” เพื่อมาโปะงบที่ขาดไป แต่มันก็ไม่ง่าย เพราะมันเสี่ยง ทำให้เกิดเสียงคัดค้าดังกระหื่มแน่ เพราะมันไปกระทบกับวินัยการคลัง

แต่หากเดินต่อไปไม่ได้ หรือ “ไม่มีเงินแจก” หรือ “แจกไม่ครบ” มันก็เหมือนกับหายนะแน่นอน ทั้งหลายทั้งปวง ล้วนเป็นความท้าทายนายกรัฐมนตรี “มือใหม่” ที่สังคมยังไม่มีความเชื่อมั่น อีกทั้งบรรดารัฐมนตรีที่เข้ามาในลักษณะ “ครอบครัว” อีกทั้งยังมีแบ็กกราวด์ แบบสีเทา มีปัญหาทางด้านจริยธรรม ตามมาตรฐานใหม่ ทำให้รัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง” เดินไปข้างหน้าค่อนข้างลำบาก ที่สำคัญเกิดปัญหาความศรัทธาตั้งแต่เริ่มต้น จะไปได้สักกี่น้ำ!!


กำลังโหลดความคิดเห็น