ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ “ทวี” ถือหาง”ยุทธนา” ท้าทายนายกฯ? แฉเล่ห์ “บิ๊กดีเอสไอ” ต่อรองให้ตั้งอัยการพวกตัวเองช่วยคดี “สต็อกทิพย์” โกงปตท. เรื่องนี้ต้องบอกว่า ไม่ได้ด้วยกลก็ใช้เล่ห์
คราวก่อนหลังจากเรื่องมีคนเห็นคนหน้าคล้าย "พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ" รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI มุดเข้าบ้าน “ธนกร นันที" อดีตนักการเมือง อดีตเลขาฯ "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" ผู้ที่ถูกองค์คณะป.ป.ช. กล่าวหาพัวพันคดีปาล์มอินโดฯ ที่สร้างความเสียหายให้กับ ปตท. กว่า 2 หมื่นล้านบาท และยังเป็นเครือญาติกับบุคคลที่ถูกดำเนินคดีสต็อกลม 2 พันกว่าล้านบาท ของ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล หรือ GGC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ปตท. จะด้วยไปเป็นแขกรับเชิญสังสรรค์ปาร์ตี้ จิบไวน์ หรือ ด้วยความสนิทสนมกันก็ดี
แต่ปาร์ตี้ค่ำคืนวันนั้นที่บ้านของ “ธนกร” มีคำถามว่า ระหว่างผู้นำองค์กรที่ต้องทำคดีพิเศษรักษากฎหมายอย่าง “พ.ต.ต.ยุทธนา” กับ “ธนกร” เครือญาติของผู้ต้องหาคดี ที่ DSI รับเข้ามาเป็นพฤติกรรมที่สมควรทำหรือ!?
เรื่อง “งามไส้” แบบนี้แม้ "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" รมว.ยุติธรรม จะไม่สอดส่อง ไม่หือ ไม่อือ เพราะ “พ.ต.ต.ยุทธนา” นอกจากเป็นลูกน้องคนสนิท “พ.ต.อ.ทวี” ยังจะดันให้เป็นอธิบดีคนใหม่ แต่ปรากฏว่า “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี สนใจเรื่องนี้มาก เรียก พ.ต.อ.ทวี และ พ.ต.ต.ยุทธนา มาปิดห้องคุยคุ้ยหาความจริงเมื่อสัปดาห์ก่อน
พร้อมกับข้อสรุป นายกฯมี “บัญชา” ให้ DSI ส่งสำนวนคดีสต็อกลมสองพันกว่าล้านบาท กลับคืนให้กับตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งเดิมรับคดีมาจากสำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต. มาสอบสวนสืบสวนจนแล้วเสร็จเตรียมจะยื่นฟ้องอยู่แล้ว แต่ DSI ใช้กฎหมายกระชากคดีนี้ออกมาจากตำรวจ
ว่ากันว่า กลุ่มผู้ต้องหาดิ้นรนหนัก เพราะหลักฐานพยานแน่นหนา กลัวจะติดคุก จึงลอบบี้สุดฤทธิ์สุดเดช โดย “ธนกร”เป็นหัวหมู่วิ่งเต้นเป็นธุระให้ ซึ่ง ธนกรนั้นสนิทสนมกับ “พ.ต.ต.ยุทธนา” รักษาการ DSI
เพราะไม่แปลก DSI รับคดีสต็อกทิพย์นี้มาตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ผ่านมากว่า 6 เดือนเต็มที่ พ.ต.ต.ยุทธนา ดองคดีเอาไว้ โดยไม่มีอะไรคืบหน้า
ฟังว่า “นายกฯเศรษฐา” ซักถามความคืบหน้าของคดี พ.ต.ต.ยุทธนา อ้ำๆ อึ้งๆ นึกไม่ถึงว่านายกฯ จะเกาะติดปานฉะนี้ก่อนจะตอบว่า เหตุคดีช้าเพราะมีคณะทำงานเกี่ยวข้องด้วยกันหลายชุด แต่ก็รับปากว่าจะคืนคดีไปให้ตำรวจดังเดิม
จากวันที่นายกฯ มีบัญชาด้วยวาจามาถึงวันนี้ ข่าวมาว่า รักษาการอธิบดี DSI ก็ยังไม่ได้ส่งสำนวนคดีให้ตำรวจตามคำสั่งนายกฯ เพราะ พ.ต.ต.ยุทธนา ตั้งเงื่อนไขต่อรองกับตำรวจว่า จะส่งมอบคดีให้ก็ต่อเมื่อตำรวจให้อัยการสองคนคือ “ว.” และ “ส.” ซึ่งอัยการ “ว.” เป็นที่ปรึกษาให้ DSI นั่งหัวโต๊ะเวลาประชุมคดีนี้มา ส่วนอัยการ “ส.”เป็นผู้ช่วย เข้าร่วมสอบสวนกับตำรวจด้วย
นี่ขนาดนายกฯสั่งมีบัญชาแล้วก็ยังลื่นไถลได้ขนาดนี้
ฟังว่า ที่ “พ.ต.ต.ยุทธนา” กล้าหาญชาญชัยท้าทายนายกฯ เพราะ “ทวี สอดส่อง” ถือหางเต็มที่ เตรียมที่จะเสนอชื่อ พ.ต.ต.ยุทธนา เข้าครม.เพื่อแต่งตั้งให้เป็น อธิบดี อยู่แล้ว ขณะประเมินดูอนาคตนายกฯ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ขาด วันที่ 14 ส.ค.นี้ จะออกมาเป็นอย่างไร หากดึงคดีไว้อีกหน่อย ก็คำนวณแล้วว่าไม่น่าจะเป็นไรไป
มีคำถามชวนคิดว่า จากพฤติการณ์ที่ว่ามานี้ “พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ” สมควรที่จะขึ้นเป็นอธิบดีกรมสำคัญอย่าง DSI หรือ?
เหนือ ขึ้นไปลูกพี่ของ “พ.ต.ต.ยุทธนา” คือ “ทวี สอดส่อง” ยังสมควรที่เป็น รมว.ยุติธรรม อีกหรือ?
ไม่ใช่แค่คดีสต็อกลมโกงปตท. คดีพิเศษสำคัญๆ อีกหลายต่อหลายคดีที่อยู่ในมือ DSI ที่เป็นแบบนี้จะหาความศรัทธาจากประชาชน และ ทำความจริงให้ปรากฏ ผดุงความยุติธรรมได้หรือ ?
หากนายกฯปรับครม.เชื่อได้ว่า สังคมจะต้องตั้งคำถามกับ “ทวี สอดส่อง” อย่างแน่นอน
ถึงเวลาหรือยังที่ “ทวี” จะต้องระเห็จออกจากกระทรวงยุติธรรมได้แล้ว? เพราะผลงานไม่เป็นที่ประจักษ์ DSI มีแต่เรื่องครหา หากทวีจะมีผลงานโบแดง ก็มีแค่เรื่องเดียวคือ ช่วย ทักษิณ ชินวัตร!
เช่นเดียวกับ “พ.ต.ต.ยุทธนา” เป็นรักษาการอธิบดียังทำได้ขนาดนี้ ถ้าได้เป็นอธิบดีจะขนาดไหน กันยายนโยกย้ายข้าราชการ สมควรแก่เวลาหรือไม่ ที่ต้องพิจารณาย้ายเข้ากรุ หรือ เด้งไปเป็นผู้ตรวจราชการ? ไม่ต้องมายุ่งกับคดีต่างๆ
คดีต่างๆ จะได้เดินไปตามครรลองของกฎหมายที่ถูกต้องเสียที
อ้อ..แว่วว่า เรื่องที่คนหน้าคล้ายบิ๊กดีเอสไอไปปาร์ตี้บ้านเครือญาติผู้ต้องหากำลังจะถูกตั้งคณะกรรมการสอบละ ใครตั้ง? หน่วยไหน? โปรดติดตามตอนต่อไป
++ “นฤมล” นั่งหัวหน้าพรรคกล้าธรรม สัญญาณบ่งบอกพลังประชารัฐ กำลังนับถอยหลัง
หลังจากต้องทำตัวโลว์โปรไฟล์ เงียบหายไปจากหน้าสื่อ ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลเศรษฐา มาเกือบปี ถึงวันนี้ “มาดามแหม่ม”นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองให้เห็น ด้วยการเป็นหัวหน้า “พรรคกล้าธรรม”
ทั้งนี้ การประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี ของ“พรรคกล้าธรรม” เมื่อวานนี้ (6 ส.ค.) ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน กรุงเทพฯ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ หลังจากหัวหน้าพรรคคนเดิมลาออก ซึ่งผลก็ออกมาว่า “มาดามแหม่ม” ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่
เสียงวิพากวิจารณ์ พร้อมการคาดเดา ก็ติดตามมาทันทีว่า เป็นพรรคสาขาของพรรคพลังประชารัฐ ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็น “รังงูเห่า” ไว้รองรับ สส.ก้าวไกล ที่อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคจากคดี “ล้มล้างการปกครอง” ในวันที่ 7 ส.ค.นี้
แต่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างยืนยันว่า ไม่ใช่ โดยเฉพาะ “มาดามแหม่ม” และ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์
ทั้งนี้ “พรรคกล้าธรรม” แต่เดิมคือ “พรรคเศรษฐกิจไทย” ตั้งไว้เป็นพรรคสำรอง ของส.ส.ในกลุ่ม “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” 21 คน ช่วงที่ถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ ก่อนที่จะย้ายกลับไปอยู่พรรคพลังประชารัฐตามเดิม
หากย้อนไปก่อนหน้านั้น “มาดามแหม่ม กับ ผู้กองธรรมนัส” ถือว่าเป็นคู่หู ที่มีความใกล้ชิด “ลุงป้อม” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มากเป็นพิเศษ ใครจะเข้าพบลุงป้อม ต้องผ่านด่านสองคนนี้
ส่วนตำแหน่งแห่งที่ในพรรคพลังประชารัฐ “มาดามแหม่ม” นั้นเป็นเหรัญญิกพรรค หรือ “คนดูแลสวนกล้วย” ส่วน “ผู้กองธรรมนัส” เป็นเลขาธิการพรรค “คนแจกกล้วย”
หลังการเลือกตั้งครั้งล่าสุด พรรคพลังประชารัฐทำผลงานไม่เข้าเป้า สส.ปาร์ตี้ลิสต์ มี “ลุงป้อม” เบอร์ 1 เพียงคนเดียว เมื่อเข้าร่วมรัฐบาล โควตารัฐมนตรี ก็ได้ไม่พอแบ่ง อีกทั้งกลุ่มก๊วนภายในพรรคก็มีปัญหา โดยเฉพาะเมื่อ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายของ “ลุงป้อม” เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี
ความขัดแย้งภายในพรรคครั้งนี้ ทำให้ “มาดามแหม่ม” ถึงกับลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐไปเลย แต่ “ผู้กองธรรมนัส” ที่ได้เข้าร่วมในครม.เศรษฐา ในตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ก็ไม่ทิ้งเพื่อน พยายามประสานงานในรัฐบาลจน “มาดามแหม่ม” ได้เป็นผู้แทนการค้า ช่วยงานรัฐบาลด้านการค้าและการลงทุน โดยไม่สังกัดพรรคการเมืองใด
เมื่อมีการเปิดตัวเป็นหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ซึ่งไทม์ไลน์ใกล้เคียงกับการพิจารณายุบพรรคก้าวไกล จึงทำให้ถูกมองว่า พรรคนี้ ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับงูเห่า ซึ่ง “มาดามแหม่ม” ปฏิเสธเสียงแข็งว่า ไม่ใช่ แค่บังเอิญมากกว่า เพราะหัวหน้าพรรคคนเดิมลาออก ก็ต้องมีการประชุมเพื่อตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ตามกรอบเวลา ที่กฎหมายกำหนด
ขณะที่ “ผู้กองธรรมนัส” ก็ออกมายืนยันว่า พรรคกล้าธรรม ซึ่งมีที่มาจาก“พรรคเศรษฐกิจไทย”นั้น ได้มอบหมายให้ “มาดามแหม่ม” ดูแลมาระยะหนึ่งแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาทำ และไม่ใช่ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นสาขาของพรรคพลังประชารัฐ หรือ ตั้งขึ้นเพื่อรองรับการยุบพรรคก้าวไกล และไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม คนวงในที่มีความใกล้ชิดกับพรรคพลังประชารัฐมองว่า “พรรคกล้าธรรม” ตั้งขึ้นมาเพื่อเตรียมรองรับ “ผู้กองธรรมนัส” โดยเฉพาะ หากเกิดแตกหักกันในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งผู้กองธรรมนัส แม้จะเคยอยู่กับ “ทักษิณ ชินวัตร” แต่ยึดคติที่ว่า “ม้าเก่งไม่หวนกลับไปกินหญ้ารางเดิม” จึงไม่คิดที่จะย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย เพราะตนเองจะไม่มีพลังต่อรอง
จึงขอให้จับตาว่า การเกิดขึ้นของพรรคกล้าธรรม คือการนับถอยหลังของพรรคพลังประชารัฐ
ว่ากันว่า คำว่า “ธรรม” ในชื่อของพรรคกล้าธรรมนั้น ก็มาจากชื่อ “ธรรมนัส” นั่นเอง