xs
xsm
sm
md
lg

“พิธา” รอดหุ้นสื่อ ศาลฯชี้ผิดทุกตรง เดชะบุญ “ไอทีวี”เลิกทำสื่อแล้ว ลุ้นรีเทิร์นหัวหน้าพรรค ควบผู้นำฝ่ายค้านฯ ที่“ชัยธวัช” พร้อมคืนให้ แต่ยังต้องรอปมล้มล้างปกครอง 31 ม.ค.นี้ก่อน **ให้รู้หมู่จ่า! โดนโยง “หักหัวคิว” แรงงาน “เฮ้ง”เปิดศึกฟ้อง“ดีเอสไอ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**“พิธา” รอดหุ้นสื่อ ศาลฯชี้ผิดทุกตรง เดชะบุญ “ไอทีวี”เลิกทำสื่อแล้ว ลุ้นรีเทิร์นหัวหน้าพรรค ควบผู้นำฝ่ายค้านฯ ที่“ชัยธวัช” พร้อมคืนให้ แต่ยังต้องรอปมล้มล้างปกครอง 31 ม.ค.นี้ก่อน

แม้ผลการลงมติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะออกมาด้วยเสียง 8 : 1 เสียง วินิจฉัยว่า สมาชิกสภาพของ “แด๊ดดี้ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่สิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) กรณีการถือหุ้นสื่อไอทีวี จะดูขาดลอย ผ่านไปแบบสบายๆ

แต่หากลงลึกในคำวินิจฉัยรวมของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ต้องบอกว่า “พิธา” ที่นั่งฟังในห้องพิจารณาคดีคง “หายใจไม่ทั่วท้อง” เหมือนกัน

เพราะมีไล่เรียงประเด็นเป็นลำดับว่า มีการถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จริง แม้จะถือหุ้นในอัตราส่วนน้อยมาก แต่เพียง 1 หุ้น ก็ถือว่าผิดแล้ว โดยเป็นการถือหุ้นในช่วงการสมัครรับเลือกตั้ง และมีการโอนหุ้นที่มีพิรุธจริง

ก่อนที่จะมาคลายปมว่า “ไอทีวี” หยุดดำเนินกิจการเมื่อ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) บอกเลิกสัญญาเมื่อปี 2550 ทำให้สิทธิในคลื่นโทรทัศน์หมดไป และไม่มีรายได้จากการประกอบกิจการสื่อมวลชน

เรียกว่าผิดทุกตรง เพียงแต่ “ไอทีวี” เลิกกิจการแล้ว จึงไม่ทำให้ “พิธา” มีลักษณะต้องห้ามลงสมัครสส.

จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ทำให้ “แด๊ดดี้ทิม” ได้กลับเข้าสภาฯ ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หลังศาลรัฐธรรมนูญ เคยสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ในระหว่างการโหวตนายกรัฐมนตรี รอบ 2 เมื่อ 19 ก.ค.66 เป็นต้นมา

หลังฟังคำวินิจฉัย “พิธา” ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ระบุว่า คำวินิจฉัยครั้งนี้ ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคก้าวไกล ซึ่งตอนนี้ “โกต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน นั่งหัวหน้าพรรค และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้นำอยู่ พร้อมย้ำว่า ตนเองยังเป็นเคนดิเดตนายกฯ ของพรรคก้าวไกล หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ก็ยังมีชื่อเป็นแคนดิเดตอยู่ และยังมีความหวังอยู่เสมอ

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
อย่างไรก็ดีเมื่อถามว่า จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลอีกครั้งหรือไม่ “พิธา” ก็ตอบว่า “แล้วแต่สมาชิกพรรคที่จะมีการประชุมใหญ่ช่วงปลายเดือนเม.ย.67นี้”

อีกด้านในการประชุมสภาฯ “ณัฐวุฒิ บัวประทุม” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็เปิดประเด็นการสั่งให้หยุดทำหน้าที่ สส.ของ “พิธา” ทันที โดยตั้งข้อสังเกตว่า ครั้งวันที่ให้มีการสั่งให้หยุดกระทำหน้าที่ในวันที่ 19 ก.ค.66 นั้น ศาลได้อ่านคำสั่งอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งวัฒนะ แต่มีการส่งเอกสารเร่งด่วนมาถึงสภาฯ ภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง และสั่งให้ “พิธา” หยุดปฏิบัติหน้าที่ จะต้องเดินออกจากสภาฯ แต่ ณ ตอนนี้เวลาผ่านมาแล้วกว่า 1 ชั่วโมง ก็ยังไม่เห็นมีคำวินิจฉัย หรือคำสั่งใดๆ ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีการยกคำร้อง ที่เสียประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนมาเป็นร้อยวัน

ซึ่งเรื่องนี้ “ปดิพัทธ์ สันติภาดา” รองประธานสภาฯ ที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ก็ได้ระบุว่า จากการตรวจสอบกับ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ความว่า “พิธา” สามารถเข้ามาทำหน้าที่ในสภาฯได้ตามปกติ ตั้งแต่หลังอ่านคำวินิจฉัยแล้ว โดยสามารถเดินกลับเข้ามาลงชื่อ และเข้าห้องประชุมสภาฯได้ทันที สำหรับเงินเดือน สส. ก็จะดำเนินการย้อนหลังให้

เบื้องต้น “แด๊ดดี้ทิม” มีกำหนดการเดินทางเข้าสภาฯในวันนี้ (25 ม.ค.) เวลา 10 โมงตรง

ก็น่าสนใจว่า บทบาทของ “พิธา” ในพรรคก้าวไกลจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะเจ้าตัวก็ไม่ปิดโอกาสในการกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งหมายถึง การรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ที่ “ชัยธวัช” เพิ่งรับพระราชทานโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง มาไม่นานด้วย

เรื่องนี้ทาง “ชัยธวัช” เอง ก็ยืนยันว่าไม่ยึดติดตำแหน่ง พร้อมคืนเก้าอี้ให้กับ “พิธา” ที่เป็นอดีตหัวหน้าพรรค

ซึ่งต้องยอมรับว่า ในแง่การสร้างกระแสความนิยมแล้ว “แด๊ดดี้ทิม” ดูจะมีสไตล์ที่ถูกจริตแฟนคลับมากกว่า “โกต๋อม” ที่ถนัดบทบาทมันสมองอยู่เบื้องหลัง

ชัยธวัช ตุลาธน
ก็อยู่ที่ “ผู้มีอำนาจตัวจริง” ในพรรคก้าวไกล จะยินดีปรีดาให้ “พิธา”กลับมารับบทนำอีกหรือไม่ เพราะช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา ถือว่า “แด๊ดดี้ทิม” ติดลมบน จนครองใจ “ด้อมส้ม” เกินหน้าเกินตาไปพอสมควร

อย่างไรก็ดี การจับวางเส้นทางการเมืองของ “พิธา-ชัยธวัช” ยังไม่นิ่ง เพราะต้องลุ้นผลการวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในสัปดาห์หน้า (31 ม.ค.) อีกยก

ตามกำหนดการที่ ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังวินิจฉัยคดีการหาเสียงยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นการใช้สิทธิเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่ ซึ่งมีการประเมินไปไกลถึงผลที่อาจร้ายแรงไปถึงขั้นยุบพรรคก้าวไกล ตามข้อหาหนัก “ล้มล้างการปกครอง”

หากเลยเถิดไปถึงขั้นนั้น ไม่เพียงแต่ยุบพรรคก้าวไกล คณะกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด ที่นำโดย “พิธา-ชัยธวัช” ก็จะต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองทั้งหมด

ทว่า พรรคก้าวไกล ก็ยังใจดีสู้เสือ โดยเชื่อว่าผลจะออกมาเป็นบวก เพราะตามคำร้องนั้น ขอเพียงให้ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งระงับหาเสียง ไม่ได้ร้องไปถึงการยุบพรรคแต่อย่างใด

ทำให้เมื่อวานยังเฮได้ไม่สุดเสียง ยังต้องลุ้นหนักอีกวิบากกรรม ในวันที่ 31 ม.ค.67 ที่จะชี้ชัดอนาคตทางการเมืองของทั้ง “พิธา-ชัยธวัช” รวมไปถึงพรรคก้าวไกล อย่างแท้จริง

**ให้รู้หมู่จ่า! โดนโยง “หักหัวคิว” แรงงาน “เฮ้ง”เปิดศึกฟ้อง“ดีเอสไอ”

สุชาติ ชมกลิ่น
งานเข้ามาตั้งแต่ต้นปีสำหรับ “เฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงเมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมาว่า มีมติกล่าวหา อดีต รมว. 2 คน และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน 2 คน รวม 4 คน ในความผิด มาตรา 149 และ 157 หลังพบหลักฐานเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับการค่าหักหัวคิวแรงงานที่ไปเก็บผลไม้ป่าที่ประเทศฟินแลนด์ จำนวน 12,000 คน ระหว่าง ปี 2563-2566 คนละ 3,000 บาท รวมค่าเสียหาย 36 ล้านบาท

แม้ “ดีเอสไอ”จะไม่ระบุชื่อในคราครั้งนั้นว่า “อดีตรัฐมนตรี”คือใคร? แต่ใครๆ ก็รู้ว่า คนที่นั่งเก้าอี้ รมว.แรงงาน ปี 2563 เป้าก็ต้องชี้มาที่ “เฮ้ง” สุชาติ และแม้เจ้าตัวเองจะฉุนขาดลุกขึ้นมาถามกลับดีเอสไอ ให้นำหลักฐานการเงินออกมาแสดงที่ว่า “งาบหัวคิว” ใบเสร็จอยู่ไหน? ขณะที่ตั้งแต่ถูกข้อกล่าวหา ดีเอสไอ ก็ไม่เคยเรียกมาสอบปากคำ

ฟังว่า ล่าสุด “เสี่ยเฮ้ง” ไม่ทนอีกต่อไป กรีฑาทัพสส.14 คน จากพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เขตตลิ่งชัน เพื่อยื่นฟ้องต่อศาล ให้ดำเนินการฟ้อง 3 เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ เอาคืนเรียบโร้ย

พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ
สามคนของดีเอสไอที่ “เสี่ยเฮ้ง”ฟ้อง ไล่เรียงไปตั้งแต่ อธิบดีดีเอสไอ ที่เซ็นเอกสารในขณะนั้น “พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล” ที่ถูกเด้ง ไปเป็น รองปลัดกระทรวงยุติธรรม “พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ” รักษาการอธิบดีดีเอสไอคนปัจจุบัน และผอ.กองคดีค้ามนุษย์ ในข้อหา ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และ ม.200 เป็นเจ้าหน้าที่รัฐกลั่นแกล้งให้รับโทษทางคดีอาญา และอีก 7-8 มาตรา ที่เกี่ยวข้อง

อดีตรมว.แรงงาน ยังเชื่อว่า ที่ตัวเองถูกดีเอสไอ ตั้งข้อกล่าวหาหักหัวคิวแรงงานไม่ใช่เป็นไปตามปกติวิสัย แต่เป็นเรืองกลั่นแกล้งทางการเมือง เพราะคดีสำคัญที่ประชาชนได้รับผลกระทบ ดีเอสไอกลับไม่แถลง แต่มาแถลงคดีเรื่องนี้ที่มีการยื่นสำนวนให้ป.ป.ช.ไปเมื่อปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว

ถามว่าช่วงปี 2563 “เสี่ยเฮ้ง”รับรู้ระแคะระคายเรื่องหักหัวคิวแรงงานที่ดีเอสไอทำคดีหรือไม่ ? สุชาติ ยอมรับว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจริง และได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงไปแล้ว เป็นบริษัทเอกชน กับเอกชน

ไหนๆก็เปิดวอร์กับดีเอสไอ “เสี่ยเฮ้ง” ลั่นวาจางานนี้ถึงไหนถึงกัน โดยได้หอบเอกสารหลักฐานจำนวนหลายร้อยแผ่นนำมายื่นต่อศาล เพราะมีข้าราชการดีเอสไอหลายคนนำข้อมูลมาให้ และหลังจากนี้ ก็ท้าทายดีเอสไอ ให้มาดูกันว่าจะมีหลักฐานมากแค่ไหน

เรียกว่า ตาต่อตาฟันต่อฟัน ให้รู้หมู่-จ่ากันไปข้าง

งานนี้ได้ว่ากันยาวไปแน่นอน.


กำลังโหลดความคิดเห็น