“ปานเทพ” โพสต์บันทึกประวัติศาสตร์ เข้าพบ “อนุทิน” เมื่อ 25 ก.ค.เพื่อหารือแนวทางเรื่องกฎหมายกัญชากัญชง เผย รองนายกฯ - มท.1 เปิดใจ พรรคภูมิใจไทยกลับมาสู้เรื่องกัญชาไม่ใช่เพื่อผู้ประกอบการ แต่เพราะยังมีประชาชนยืนหยัดสู้อยู่ พร้อมตำหนิกลุ่มทุนกัญชาโผล่มาให้กำลังใจตอนได้ชัยชนะทางการเมืองแล้ว ก่อนหน้านี้ ทำอะไรอยู่
วันนี้ (28 ก.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กรณีการเข้าพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดระบุว่า
เรื่องราวต่อไปนี้ ลังเลอยู่นานว่าควรจะโพสต์หรือไม่ แต่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นบันทึกประวัติศาสตร์เรื่องของกัญชา และเป็นการบอกเล่าว่าผมไม่ได้เป็นตัวแทนหรือเครื่องมือของกลุ่มทุนใด จึงไม่มีความลับในการเจรจา จึงเห็นว่า ควรบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ดังนี้
เมื่อวันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2567 ผมได้รับการประสานจาก คุณทอม เครือโสภณ ระบุว่า ได้นัดหมายกับคุณอนุทินไว้ และอยากให้ อ.ปานเทพ เข้าไปร่วม เพราะจะหารือกันกลุ่มเล็กๆ เกี่ยวกับแนวทางเรื่องกฎหมายกัญชา กัญชง ในสายๆ วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2567
ในตอนนั้นผมแจ้งไปว่า ผมไม่สะดวก เพราะงานเยอะอยู่แล้ว ขอเพียงเดินหน้าเรื่องพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง ไปโดยไม่ต้องมีผมไปพูดคุยก็ได้
แต่ คุณทอม ก็ยืนยันว่า เป็นเรื่องที่มีความสำคัญเพื่อประโยชน์ของประเทศ เพราะตอนนี้เรื่องกฎหมายขาดเจ้าภาพ กระทรวงสาธารณสุขปล่อยมือ กระทรวงมหาดไทยก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรีก็บัญชาการ แต่ไม่มีใครดำเนินการใดๆ ดังนั้น ขอเวลาผมเพียงไม่เกินครึ่งชั่วโมงเท่านั้น โดยขอนัดหมายในเวลา 11.00 น. และต่อมาขอเลื่อนเป็นเวลาประมาณ 15.30 น.
แต่สำหรับผมแล้วในรอบ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ได้ถูกเชิญเข้าเจรจาถกเถียงรวมถึงต่อรองกับฝ่ายการเมือง และส่วนข้าราชการหลายครั้ง อีกทั้งยังมีการยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี และแถลงข่าวรวมแล้วก็หลายหน หากเห็นว่า การเจรจาของผมจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ผมก็ไม่เกี่ยงที่จะพูดคุยกับทุกคนที่ต้องการจะพูดคุยที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม จึงได้ตอบรับนัดไป
พอไปถึงเวลานัดหมายที่ห้องรับรอง กระทรวงมหาดไทย ก็ปรากฏว่า ไม่ใช่ทีมเทคนิกฎหมายชุดเล็กเสียแล้ว เพราะคุณทอมได้นัดนักธุรกิจเข้ามาเป็นจำนวนมาก มีทั้งกลุ่มทุนผู้ประกอบการขนาดใหญ่หลายกลุ่ม โดยมีนักธุรกิจบางคนที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน บอกว่า ที่มาเพราะเห็นว่าผมจะมาก็เลยตามมาด้วย โดยคุณทอมมีการพูดต่อผู้ประกอบการว่ามาเพื่อเป็นกำลังใจให้คุณอนุทินกัน
แม้ผมจะเห็นว่า การนัดหมายครั้งนี้สิ่งแวดล้อมของการพูดคุยไม่ได้เหมือนกับที่บอกผมเอาไว้ เพราะกลายเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่หลายกลุ่ม
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมจะพูดกับคุณอนุทิน ชาญวีรกุล นั้น ก็ยังคงเหมือนเดิม และเห็นว่า ผู้ประกอบการก็เป็นส่วนหนึ่งของนิเวศธุรกิจกัญชาอยู่แล้ว ต่อให้มีคนฟังมีลักษณะอย่างไร เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ผมก็พูดคุยและมีจุดยืนเหมือนเดิมอยู่ดี
เมื่อ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล มาถึง ผมก็ได้แจ้งว่า ปัจจุบันมีกฎหมายที่ “รอการรับรอง” จากท่านนายกรัฐมนตรี อยู่ที่สำนักงานของนายกรัฐมนตรี 3 ฉบับ
ฉบับแรก คือ การเข้าชื่อของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคภูมิใจไทย เพื่อเสนอเป็นร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง ที่คัดลอกมาจากการพิจารณาของคณะกรรมาธิการในสมัยสภาผู้แทนราษฎรชุดก่อนหน้า
ฉบับที่สอง คือ การเข้าชื่อของประชาชนในนามเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ซึ่งได้เข้าชื่อประชาชนครบจำนวนเสนอกฎหมายกัญชา กัญชง ต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
ฉบับที่สาม คือ การเข้าชื่อของประชาชนในนามเครือข่ายกัญชา กัญชง ม่าง (ภาคประชาชน) ซึ่งได้เข้าชื่อประชาชนครบจำนวนเสนอกฎหมายกัญชา กัญชง ม่าง ต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
เนื่องด้วยกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ เป็นกฎหมายทางการเงิน จึงต้องได้รับการรับรองจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน หลังจากนั้น จึงสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป จึงขอให้ท่านแจ้งต่อท่านนายกรัฐมนตรี เร่งรัดกระบวนการในสำนักงานเพื่อให้กฎหมายทั้ง 3 ฉบับ เดินหน้าต่อไปในกระบวนการสภาผู้แทนราษฎร ส่วนจะมีใครเสนอกฎหมายอื่นก็ให้พิจารณาในกระบวนการเดียวกัน
คุณอนุทิน ชาญวีรกุล เมื่อรับทราบคำชี้แจงจากผมแล้ว จึงเริ่มพูดโดยมีเนื้อหาว่า
“เรื่องที่อาจารย์ปานเทพ นำเสนอมาผมจะรับดำเนินการตามเรื่องให้ แต่…
วันนี้พวกท่านผู้ประกอบการมาทำไมกันวันนี้ มาเพราะอะไร เพราะต้องการมาให้กำลังใจผมหรือครับ
ผมจะขอบอกตรงนี้ให้เข้าใจตรงกันว่า ผมและพรรคภูมิใจไทยกลับมาสู้เรื่องกัญชาในวันนี้ไม่ได้สู้เพื่อพวกท่านที่เป็นผู้ประกอบการเลย โปรดรู้ไว้ด้วย
พวกผมไม่ได้คะแนนหลักมาจากกลุ่มคนกัญชา ผมไม่ได้ลงทุนในธุรกิจกัญชา ไม่ได้เสียหายอะไรด้วย ได้ปลดล็อกกัญชาตามสัญญาแล้ว ไม่มีอะไรติดค้าง
เมื่อพรรคภูมิใจไทยไม่ได้คุมกระทรวงสาธารณสุข หากนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด พวกผมก็จะทำหน้าที่โหวตไม่เห็นด้วย ซึ่งผมทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว ซึ่งความจริงผมสู้แค่นี้ก็ได้
แต่พวกผมกลับมาสู้รอบนี้ เพราะเห็นว่าอาจารย์ปานเทพเขายังสู้อยู่ ผมเลยต้องกลับมาสู้ด้วย ผมไม่ได้มาสู้เพื่อพวกท่านเลย
ผมถามว่า วันที่คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดลงมติให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ผมเห็นอาจารย์ปานเทพยังสู้อยู่ แต่วันนั้นพวกท่าน (ผู้ประกอบการ) หายไปไหนกันหมด ทั้งๆ ที่พวกท่านเป็นผู้มีส่วนได้เสีย เป็นเงินลงทุนของพวกท่านเองแท้ๆ
ผมถามว่า วันที่มีประชาชนกลุ่มหนึ่งออกมาเสียสละประท้วงอดอาหารที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ทั้งๆ ที่เป็นผู้ใช้กัญชา พวกท่านเป็นผู้ลงทุนกัญชาอยู่ที่ไหนกันหมด ผมไม่เห็นพวกท่านเลย
แต่วันนี้กลับจะมาโผล่ให้กำลังใจผม ในวันที่ผมได้ชัยชนะทางการเมืองในเรื่องกัญชาเรียบร้อยแล้ว ผมกลับไม่ได้รู้สึกยินดีหรือสบายใจเลย
และอีกส่วนที่ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและใช้ไม่ได้ คือ คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดซึ่งเป็นคนกลุ่มเดียวกันที่พาผมไปดูคลินิกกัญชา บอกกับผมว่ากัญชาดีอย่างนั้นดีอย่างนี้
แต่วันนี้กลับลำลงมติให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเพียงเพื่อหวังตำแหน่งได้อย่างไร ผมได้เขียนในไลน์กลุ่มต่อว่าคนเหล่านี้ บางคนเสียดายเป็นเพื่อนกันมา 20 กว่าปี ผมก็ยังต้องลบออกจากไลน์ด้วยซ้ำ
แล้วพวกท่านทำอะไรหรือจะทำอะไรกับคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดกับการลงมติที่ใช้ข้อมูลไม่ถูกต้องบ้าง (ยกเว้นคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดเสียงข้างน้อย อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กับ พ.ต.อ.ประเวศ มูลประมุข)
ทุกท่านจึงควรจะทำหน้าที่ของตัวเอง ปกป้องสิทธิของตัวเอง และรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง”
หลังจากนั้น ก็มาร่วมกันถ่ายภาพตามที่ปรากฏ
บันทึกสรุปโดย
อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
28 กรกฎาคม 2567