“เศรษฐา” รับรางวัล The President’s Award of Service จากผู้บริหารมหาวิทยาลัยบัณฑิตศึกษาแคลร์มอนต์ ในฐานะศิษย์เก่า ที่ทำคุณประโยชน์แก่สาธารณะ ส่งเสริมการพัฒนาของมนุษยชาติ ขับเคลื่อน เปลี่ยนแปลงสังคม และถือเป็นผู้นำระดับโลก ในการพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนได้อย่างรวดเร็ว
วันนี้ (9 ก.ค.) ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้พบคณะผู้บริหารและผู้แทนจากมหาวิทยาลัยบัณฑิตศึกษาแคลร์มอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (Claremont Graduate University) และรับมอบรางวัล The President’s Award of Service ในฐานะศิษย์เก่าที่ทำคุณประโยชน์แก่สาธารณะ ส่งเสริมการพัฒนาของมนุษยชาติ และสนับสนุนสิทธิมนุษยชน โดย นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เป็นศิษย์เก่าคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ ซึ่งในวันนี้มีคณะผู้แทนจากมหาวิทยาลัย เข้าร่วมหารือรวม 14 ท่าน และมีศิษย์เก่าชาวไทยที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากมายหลากหลายวงการเข้าร่วม
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยความรู้สึกหลังจากได้รับรางวัล ว่า รู้สึกแปลกใจ และแน่นอนว่า รู้สึกดีใจด้วย เนื่องจากไม่เคยได้รับรางวัลเหล่านี้มาก่อน ซึ่งการที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีและได้รางวัลนี้ถือว่าเป็นรางวัลที่มีคุณค่ามากอย่างหนึ่ง แต่ส่วนตัวมองว่าการที่จะได้รับการยอมรับ เราจะต้องได้ทำอะไรมาบ้างพอสมควรแล้ว ซึ่งผมเองก็ต้องมีความซื่อตรงต่อตัวเองว่าภารกิจเรายังอยู่ระหว่างการดำเนินการ เนื่องจากเราเพิ่งเป็นรัฐบาลได้เพียงแค่ปีเดียว ก็หวังว่า หลังจากช่วงที่จบเทอมแล้ว ในเรื่องของความรู้สึกที่ได้รับรางวัลนี้คงจะมีความภูมิใจ มากกว่านี้
นายเศรษฐา เล่าย้อนความหลังสมัยที่ศึกษาที่ Claremont Graduate University ว่า ช่วงนั้นหากใครที่จบปริญญาตรีแล้ว หลายๆ ท่านจะพยายามที่จะออกไปหาประสบการณ์ไปทำงานก่อน เพื่อจะได้มาสมัครเรียนมหาวิทยาลัยที่ดีๆ ต่อ เนื่องจากอยู่ในข้อกำหนดของมหาวิทยาลัยว่าต้องมีประสบการณ์การทำงาน แต่ตัวผมเองในตอนนั้นผมอยู่ที่ต่างประเทศมานานมากแล้ว แล้วผมก็ไม่อยากที่จะทำงาน แล้วค่อยกลับไปเรียนต่อ ผมอยากที่จะกลับบ้าน กลับประเทศไทยทีเดียว ผมเลยเลือกที่จะศึกษาต่อให้จบ ผมก็สมัครมาที่ Claremont Graduate University ซึ่งถือว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่ดี และในข้อกำหนดของทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องทำงานมาก่อน ก็ถือว่าเป็นโชคที่ดีในตอนนั้นที่เขารับและให้เข้าศึกษาได้
สำหรับบรรยากาศตอนนั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และถือว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่ดี อยู่นอกเมืองอยู่ห่างไกลจากย่านความเจริญแถบลอสแองเจลิสถึงประมาณ 45 นาที ทำให้เราซึบซับบรรยากาศการใช้ชีวิตในโรงเรียนได้อย่างเต็มที่ ได้ใช้ชีวิตนักเรียนที่เหมาะสม ไม่ต้องอยู่กับแสงสีเสียง ที่สำคัญในย่านดังกล่าวเป็นจุดที่มีสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง 5 แห่งอยู่ในย่านใกล้ๆ กัน ซึ่งแต่ละแห่งมีนักเรียนประมาณ 2-3 พันคน ซึ่งเป็นจำนวนที่กำลังเหมาะสม และถือว่าเป็น Ivy League of the west หรือกลุ่มของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของสหรัฐอเมริกา ในย่านดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งผมเอง ผมจำได้ว่าการตั้งชื่อถนนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อถนน อาทิ Cornell, Harvard, Yale เป็นต้น โดยถือว่าเป็นโรงเรียนที่มีสภาพแวดล้อมที่น่ารักและอบอุ่น ซึ่งในช่วงนั้นที่ผมได้เข้าไปศึกษาถือว่ายังเป็นเด็กอยู่ อายุประมาณ 22 ปี รู้สึกได้ว่าเป็นบรรยากาศที่ดีอบอุ่น รู้สึกถึงความเป็นครอบครัว ที่เราสามารถเข้าถึงศาสตราจารย์ คณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ได้เต็มที่ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี และความอบอุ่นนี้ทำให้เราปรับตัวได้ในตอนเรียนอย่างดีมากๆ
ซึ่งจากการหารือกับคณาจารย์ที่มาพบในวันนี้ ก็เล็งเห็นว่า อยากให้มีการส่งเสริมนักเรียน-นักศึกษาไทย ไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศมากขึ้น ผมเชื่อว่า ชื่อเสียงของ Claremont Graduateโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน MBA ที่มีสำนักของ Peter F Drucker ซึ่งเป็นปรมาจารย์ด้านการจัดการบริหารองค์กรธุรกิจสมัยใหม่ ที่มีชื่อเสียงมาก ผมเชื่อว่าที่สถาบันแห่งนี้จะสามารถผลักดันนักเรียนได้อย่างดียิ่ง นายกฯ ระบุในช่วงท้าย
ด้าน นาง Michelle Bligh ตำแหน่ง Executive Vice President Claremont Graduate University ระบุว่า เรามีศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงมากมายทั่วโลก ประมาณ 24,000 คน แต่เห็นได้ชัดว่าการทำงานของนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) เป็นการทำงานที่ยอดเยี่ยม เขากำลังแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ที่เราต้องการให้บัณฑิตของเราทุกคนมีในจุดนี้ คือในเรื่องของการตอบแทนสังคม และนั่นคือความสำคัญของรางวัล the president’s award of service
ซึ่งพวกเรารู้สึกภาคภูมิใจในนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ที่ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการขับเคลื่อน เปลี่ยนแปลงสังคม และถือเป็นผู้นำระดับโลก ในการพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราภาคภูมิใจมาก และเราภูมิใจกับนักเรียนไทยที่ได้ศึกษาที่ Claremont Graduate University ทุกท่าน