นายโชษิต เดชวนิชยนุมัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม อัลฟา แคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.มั่นคง สตีล หรือ MKS เปิดเผยว่า MKS ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 125 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 28.41% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 90 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยบริษัท โฮ เชง โฮลดิ้งส์ จำกัด 15 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยบริษัท ไอริช อินเวสเมนท์ จำกัด 20 ล้านหุ้น
ปัจจุบัน MKS มีทุนจดทะเบียนรวม 440 ล้านบาท แบ่งเป็นจำนวน 440 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาทต่อหุ้น มีทุนที่ออกและชำระแล้ว 350 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้น 350 ล้านหุ้น โดยบริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปลงทุนขยายโรงงานและคลังสินค้าในจังหวัดชลบุรี เพื่อเสริมขีดความสามารถด้านการผลิต ส่วนที่เหลือนำไปชำระหนี้คืนสถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
นายธนา ชัยชาญพานิช กรรมการผู้จัดการ MKS เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้นำด้านเมทัลชีทอย่างครบวงจร ให้บริการทั้งการออกแบบ พัฒนา ผลิต จำหน่าย และติดตั้งผลิตภัณฑ์หลังคาเหล็กเคลือบผิวคุณภาพสูง รวมถึงผนังและหลังคาฉนวนกันความร้อน ภายใต้แบรนด์ MKS ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจมายาวนานกว่า 30 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงนวัตกรรมในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง กลุ่มงานหลังคา ผนังอาคาร และการจัดเก็บสินค้าด้วยระบบไซโลอัจฉริยะ ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีเพื่อนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพ มอบความปลอดภัย ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์กลุ่มอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เช่น อาหารและยา เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ห้องเย็น รวมถึงอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้าและที่อยู่อาศัย โดยมีเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำขับเคลื่อนอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างสำหรับอาคารและอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ MKS เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างกลุ่มหลังคา และผนังฉนวนกันความร้อนที่มีจุดแข็งในด้านการมีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ผ่านการพิสูจน์คุณสมบัติจากมาตรฐานระดับสากล FM Approved 4880 และ 4881 อยู่ภายใต้องค์กรประกันภัย FM Global ผู้รับประกันภัยกับองค์กรระดับโลกมากมาย เนื่องจากมาตรฐานนี้ช่วยลดความเสี่ยง ปกป้องทรัพย์สินเชิงพาณิชย์ และอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ผนังฉนวนกันความร้อน PIR ที่ MKS ได้รับเครื่องหมายนี้เป็นรายแรกและรายเดียวของประเทศ
พร้อมการให้บริการแบบครบวงจรทั้งการผลิตและจำหน่าย และติดตั้ง รวมทั้งให้บริการคำปรึกษา ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้า จึงสามารถตอบสนองการให้บริการแบบ One Stop Service ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 200 คน และมีเครือข่ายผู้ผลิตวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของประเทศไทยทำให้ประสิทธิภาพและความคงทนสูงกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ และสามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
ปัจจุบันกลุ่ม MKS เป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการออกแบบ ผลิต จำหน่าย และ ติดตั้ง แบ่งออกเป็น 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่
(1) ผลิตภัณฑ์หลังคาเหล็ก ผลิตภัณฑ์หลังคาเหล็กแผ่นรีดลอนเคลือบผิวคุณภาพสูง ที่มีการให้บริการอย่างครบวงจร ทั้งการออกแบบ พัฒนา ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงชุดอุปกรณ์ติดตั้งหลังคา แปเหล็กชุบสังกะสี ระบบระบายอากาศ และเหล็กบานเกล็ดสำหรับระบายอากาศ ภายใต้แบรนด์ MKS
(2) ผลิตภัณฑ์ผนังและหลังคาฉนวนกันความร้อน ที่มีจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งฉนวนชนิดโฟมโพลียูรีเทน (Polyurethane Foam :PU) ประเภทไม่ลามไฟและชนิดโฟมโพลีโอโซไซยานูเรต (Polyisocyanurate Foam : PIR) และร็อควูล (Rockwool)
(3) ผลิตภัณฑ์ชุดประตู ดำเนินการภายใต้ บจก.ไดนามิคแอคเซส เอ็นจิเนียริ่ง (DAE) เพื่อออกแบบ พัฒนา ผลิต จำหน่ายและติดตั้งชุดประตูและหน้าต่าง ที่ผลิตจากผนังฉนวนกันความร้อน มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งชุดประตูบานพับและชุดประตูบานเลื่อน
(4) ให้บริการติดตั้งหลังคาและผนังอาคาร ดำเนินการภายใต้ บจก.เอ็ม เค เอส ไอ อินเตอร์ (MKSI) ให้บริการติดตั้งผนังและหลังคาในอุตสาหกรรมต่างๆ
(5) ผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นชนิดม้วน วัตถุดิบของผลิตภัณฑ์หลังคาเหล็กและผลิตภัณฑ์ฉนวนกันความร้อน ที่จำหน่ายโดยบริษัทฯ ได้แก่ เหล็ก Galvalume (GL) เหล็ก Pre-Painted Galvalume (PPGL) เหล็กเคลือบZAM (SuperDyma) และเหล็กชุบสังกะสี (GI)
(6) ผลิตภัณฑ์ไซโล (Silo) ดำเนินการภายใต้ บจก.มั่นคง เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เดเวลอปเม้นท์ (MED) ที่เป็นผู้ออกแบบ จำหน่ายและให้บริการติดตั้งไซโลเหล็กรูปแบบ Steel Spiral Silo พร้อมฉนวนกันความร้อนและระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น สำหรับการจัดเก็บและลดความเสียหายของผลิตภัณฑ์พืชผลการเกษตร ภายใต้เทคโนโลยีดิจิทัล
ณ วันที่ 31 มี.ค.65 โครงสร้างถือหุ้นหลัก ได้แก่ กลุ่มครอบครัวชัยชาญพานิช 222,113,000 หุ้น คิดเป็น 63.46% หลังเสนอขายหุ้น IPO จะลดลงเหลือ 50.48% และกลุ่มบริษัท โฮ เซง โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 84,487,000 หุ้น คิดเป็น 24.13% จะลดจำนวนลงเหลือ 49,487,000 หุ้น คิดเป็น 11.25%
ผลประกอบการปี 62-64 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 954.27 ล้านบาท 1,072.89 ล้านบาท และ 1,104.10 ล้านบาท ตามลำดับ แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 898.12 ล้านบาท 1,013.55 ล้านบาท และ 1,039.56 ล้านบาท ตามลำดับ รายได้จากการให้บริการเท่ากับ 56.15 ล้านบาท 59.34 ล้านบาท และ 64.54 ล้านบาท และ 24.66 ล้านบาท ตามลำดับ กำไร 13.71 ล้านบาท 65.06 ล้านบาท และ 58.64 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวม 301.94 ล้านบาท จาก 301.17 ล้านบาทในไตรมาส 1/64 มีกำไร 10.95 ล้านบาท ลดลงจาก 14.12 ล้านบาท ณ วันที่ 31 มี.ค.65 สินทรัพย์รวม 1531.22 หนี้สินรวม 1091.86 ล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้นรวม 439.36 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัท หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมายกำหนดไว้และข้อบังคับของบริษัท