ศาล รธน.เริ่มประชุมถก 3 คดีสำคัญ ลุ้นไต่สวนปมยุบ “ก้าวไกล” หรือไม่ รับไม่รับตีความ MOU 2544 ไทย-กัมพูชา ขัด รธน. ลงมติ พ.ร.บ.เช็ค
วันนี้ (3 ก.ค.) เวลา 09.30 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้เริ่มประชุมโดยมีวาระการพิจารณาคดีที่สำคัญ 3 คดี คือ คดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคและห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคและถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งตาม พ.ร.ป ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 92 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง เนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 โดยคดีนี้เป็นการพิจารณาหลังจากเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ศาลได้มีคำสั่งให้นำพยานเอกสารในสำนวนการไต่สวนคดีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 มารวมไว้ในสำนวนคดีนี้ และได้แจ้งให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลและเลขาธิการ กกต.เสนอบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นล่วงหน้าตามประเด็นที่ศาลฯกำหนดกลับมายังศาลฯภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยคดี รวมถึงกำหนดให้คู่กรณีเข้าตรวจพยานหลักฐานในวันอังคารที่ 9 ก.ค. 67 ดังนั้น การพิจารณาในวันนี้ จึงต้องลุ้นว่าศาลจะมีคำสั่งเกี่ยวกับกระบวนวิธีพิจารณาคดีนี้อย่างไรต่อไป ข้อเท็จจริงที่ได้เพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยแล้วหรือยัง จะมีการจะมีการเปิดไต่สวนตามที่พรรคก้าวไกลร้องขอหรือไม่
นอกจากนี้ ยังจะมีการพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคำร้องที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน หรือ MOU 2544 ซึ่งจัดทำขึ้นโดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากรัฐสภาเป็นบทบัญญัติที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และการที่กรมสนธิสัญญาและกฎหมายกระทรวงการต่างประเทศ นำ MOU 2544 มาใช้เป็นเครื่องมือดำเนินการแบ่งเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทย และแบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติทางทะเลของไทย ให้แก่กัมพูชา เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิของตนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยมาตรา 25 และมาตรา 43(2) หรือไม่
รวมถึงจะมีการแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือและลงมติในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ส่งคำโต้แย้งเพิ่มเติมของ นายวิชา เบ้าพิมพา จำเลยที่ 1 น.ส.อนา วงสิงห์ จำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขแดงที่ อ.1571/2566 ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 ว่าการที่ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 วรรคสองเฉพาะในส่วนโทษทางอาญา ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 หรือไม่ด้วย
ส่วนในคดีประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา 40 คน ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160(4) และ (5) หรือไม่ จากเหตุนำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้ว่า นายพิชิต ขาดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญนั้น เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ศาลได้มีคำสั่งให้หน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามประเด็นที่ศาลกำหนดยื่นต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยและได้กำหนดที่จะพิจารณาคดีนี้ต่อในวันที่ 10 ก.ค.