เมืองไทย 360 องศา
ถือว่ากลายเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามากทีเดียวสำหรับการเมืองในช่วงเวลานี้ หลังจากได้เห็นความเคลื่อนไหวหนักๆของพรรคก้าวไกล ที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พวกเขาได้ยกขบวนไปทำกิจกรรมในภาคอีสาน โดยมีการจัดงานในชื่อ “ก้าวไกล Policy Fest อุดรจ้วด ๆ” ที่จังหวัดอุดรธานี เป็นการเปิดเวทีเพื่อโชว์วิสัยทัศน์ เปลี่ยนอุดรธานี เปลี่ยนอีสาน เปลี่ยนประเทศไทย มีแกนนำพรรคหลายคนไปที่นั่น เช่น นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ขณะเดียวกันเป็นที่จับตาก็คือ ยังมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี รวมไปถึงอีกบางจังหวัดด้วย
นายชัยธวัช กล่าวว่า ที่จังหวัดอุดรธานี เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เรามุ่งมั่นตั้งใจชิงชัยในการเลือกตั้ง อบจ. เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับชาติและระดับท้องถิ่น ส่วนความมั่นใจในตัวนายคณิศร ขุริรัง ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ในการเอาชนะในสนาม เลือกตั้ง อบจ.ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นเรื่องที่มีความท้าทายมาก ทีมงานจังหวัดอุดรธานีและนายคณิศร ได้เตรียมพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นตั้งใจอยากทำให้จังหวัดอุดรธานี เป็นตัวแบบในการพัฒนาพื้นที่อีสานในแบบของพรรคก้าวไกล
สำหรับการมาอุดรธานีครั้งนี้เป็นเหมือนมาตีเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย ใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าไปคิดแบบนั้น โดยยืนยันว่าประชาชนไม่ว่าจะเป็นอุดรธานี เชียงใหม่ อีสาน เหนือ ใต้ ตะวันออก หรือภาคกลางไม่มีใครเป็นเจ้าของ มีอย่างเดียวคือ ความต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง ซึ่งอุดรธานีก็เป็นพื้นที่ที่เรามีโอกาสและมีศักยภาพ
การชิงชัยในสนาม อบจ. ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลในช่วงครึ่งปีหลังจะมีความคึกคักมากขึ้นจนถึงปลายปีหน้า เป็นเรื่องที่ดีเพราะการที่พรรคการเมืองให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งท้องถิ่น จะทำให้ประชาชนสนใจการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นมากขึ้น ที่ผ่านมาการทำงานในระดับท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น อบจ. เทศบาล หรือ อบต.ส่งผลโดยตรงกับชีวิตประจำวันของคน แต่ประชาชนยังให้ความสำคัญน้อยกว่าการเลือกตั้งระดับชาติ ดังนั้นการที่พรรคการเมืองมาแข่งขันกันมากขึ้นในสนามท้องถิ่นถือเป็นมิติที่ดี ทั้งนี้กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศจะยึดหัวเมืองคืนนั้น ไม่ได้กังวลอะไร
จากนั้น ในวันที่ 23 มิถุนายน ที่ อ.เมืองฯ จังหวัดสกลนคร พรรคก้าวไกลก็มีการจัดตั้งสาขาพรรคเป็นสาขาที่ 16 โดยมี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล มาร่วมเปิดงาน
นายพิธา กล่าวว่า ทุกวันนี้พรรคก้าวไกลก็ยังคงไม่หวั่นไหว แม้จะมีหลายองคาพยพที่ตั้งใจจะหยุดยั้งหรือยุบพรรคก้าวไกลอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้กระทบอะไรกับความมุ่งมั่นและอุดมการณ์ของเรา ไม่ได้รู้สึกว่าต้องขายวิญญาณเพื่อให้พรรคอยู่รอดได้ หลายคนบอกกับตนว่ายิ่งยุบก็จะยิ่งชวนคนมาสมัครสมาชิกให้มากกว่าเดิม ทุกวันนี้สมาชิกพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้นวันละหลักพันคน ถ้าจะมีลดก็เพราะรอสมาชิกรายปีที่จะกลับมาต่ออายุ แต่ในภาพรวมระยะยาวแล้วสมาชิกพรรคก้าวไกลมีแต่เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะเสียสมาธิ ไม่ต้องกังวลว่าเราจะเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องกังวลว่าเราจะไม่ทำงานหรือเปลี่ยนนโยบายไป เรายังดูแลคนตัวเล็กตัวน้อย แรงงาน เกษตรกร หรือคนที่อาจจะมีเสียงไม่ดังพอในสังคมของเรา
“การมีประชุมแบบนี้ในทุกจังหวัดทุกภาค นี่คือโครงสร้างของพรรคที่ถึงแม้จะเปลี่ยนชื่อพรรค เปลี่ยนสีพรรค เปลี่ยนโลโก้พรรค เราก็ยังคงไปต่อได้ มีคนถามเราตลอดเวลาว่า ทำไมต้องทำให้กระบวนการมันยุ่งยากกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่มันคือเครื่องมือตรวจสอบว่า รากฐานของพรรคเราแข็งแรง แม้ใครจะมารังแก ใครจะมาทำร้าย แต่รากฐานของพรรคคือสิ่งที่จะทำให้เราไปต่อได้ อยากจะตีหัวผม ตีไปเลย หัวเดิมอาจจะไม่อยู่ แต่เดี๋ยวจะมีหัวใหม่ที่เก่งกว่ามาแทน เพราะรากฐานของเราคือประชาชน คือสมาชิกพรรค นั่นทำให้เราไม่หวั่นไหวและยังเข้มแข็ง รากของเราลงลึกไปแล้ว เหมือนกับต้นไม้ที่ต้องผลัดใบออก แต่รากมันแข็งแรง เต็มไปด้วยสารอาหาร คือความรู้ วิสัยทัศน์ และวิธีคิด ไม่ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไรพวกเราไปต่อได้แน่นอน ผมฟันธง” นายพิธา กล่าว
เมื่อฟังจากคำพูดของพวกเขาแล้ว รวมไปถึงการเคลื่อนไหวมันก็แสดงให้เห็นภาพชัดเจนว่า พรรคก้าวไกลกำลังรุกคืบไปที่ภาคอีสานอย่างเต็มตัว ซึ่งเป้าหมายแทบทั้งหมดล้วนล้วนเป็นจังหวัดใหญ่ หรือเป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย เป็นพื้นที่ “สีแดง” ในอดีต บางจังหวัด เช่น อุดรธานี เคยถูกเรียกว่า เป็นหนึ่งใน “เมืองหลวง” ทั้งของคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทย มาอย่างยาวนาน แต่หากสังเกตจะเห็นว่าเมื่อการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคก้าวไกล สามารถแทรกเข้ามาได้ หนึ่งที่นั่ง ขณะที่พรรคเพื่อไทย แม้ว่ายังสามารถครอบที่นั่ง ส.ส.ได้ 7 ที่นั่ง แต่ก็ถือว่า เสียหาย เพราะจากจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 10 ที่นั่ง ต้องมาแบ่งให้กับพรรคอื่น โดยอีก 2 ที่นั่ง เป็นของพรรคไทยสร้างไทย
พิจารณาจากความจริงที่เห็นก็เป็นสัญญาณชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยกำลังถดถอย และ “มนต์ของ ทักษิณเริ่มเสื่อมลง” เรื่อยๆ เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมา คนที่นำทัพคือ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวแท้ๆ เป็นทายาททางการเมือง แต่ก็ยังเอาไม่อยู่ การที่กวาดไม่ได้ยกจังหวัด ก็ถือว่าพ่ายแพ้ เหมือนกับพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่บ้านเกิด ที่เกือบเอาตัวไม่รอด ต้องแพ้ให้พรรคก้าวไกลหลายเขตเช่นกัน
เมื่อกลับมาโฟกัสที่ภาคอีสาน จะเห็นว่าที่ผ่านมาในหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ๆ เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น จะมี ส.ส.ของพรรคก้าวไกล แทรกอยู่ทุกจังหวัด ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากกระแสในช่วงเวลานี้ กลายเป็นว่า ก้าวไกลแซงพรรคเพื่อไทยไปแล้ว ซึ่งหากมีการผลสำรวจทุกครั้งพรรคเพื่อไทยมีกระแสความนิยมแพ้แบบหลุดลุ่ย แม้กระทั่งระดับหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกของพรรค
ด้วยกระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทยที่ถดถอยลงดังกล่าว ที่มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ตั้งแต่การ “ข้ามขั้ว” การบริหารรัฐบาลที่ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ทำให้ทุกอย่างยังไม่กระเตื้อง รวมทั้งกรณีพฤติกรรมของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกมองในแง่ลบ เริ่มถูกมองว่า “เป็นตัวถ่วง” แทนที่จะเป็นแม่เหล็กเรียกความนิยมแบบเดิม ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้าม
ดังนั้น หากมองภาพที่เห็น การที่พรรคก้าวไกล เริ่มรุกพื้นที่ในภาคอีสาน มันก็เหมือนกับการบุกเข้าตีฐานเสียงตรงกล่องดวงใจ เพราะหากสามารถยึดกุมได้ นั่นหมายถึงการชนะการเลือกตั้ง มีโอกาสได้เสียงข้างมาก เพราะเป็นพื้นที่ที่มีจำนวน ส.ส.มากที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องจับตาการเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในหลายจังหวัด ที่คราวนี้พรรคก้าวไกลเอาจริงเอาจังมากกว่าทุกครั้ง และเชื่อมั่นว่าจะสามารถปักธงได้ในหลายพื้นที่ หากจับสัญญาณจากกระแสในเวลานี้ !!