xs
xsm
sm
md
lg

มิถุนาฯระทึก “ทักษิณ-เศรษฐา”บนเส้นด้าย!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - เศรษฐา ทวีสิน
เมืองไทย 360 องศา

หากบอกว่าเดือนมิถุนายนเป็นเดือนที่ต้องลุ้นระทึกจริงๆ หรือสำหรับบางคนอาจต้องเรียกว่า “อันตราย” ด้วยซ้ำไป เพราะอย่างที่รู้กันก็คือ ในวันที่ 10 มิถุนายน จะเป็นวันที่ครบกำหนดต้องยื่นคำชี้แจงของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีถูกร้องเรื่องการแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีโดยมิชอบ หลังจากนั้น ในวันที่ 18 เดือนเดียวกัน ก็จะเป็นวันนัดหมายของอัยการสูงสุดเพื่อส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฟ้องศาลในคดีกระทำผิดตามมาตรา 112 และความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์

หากแยกทีละกรณี เริ่มจากกรณีของ นายเศรษฐา ทวีสิน ก่อน ที่เวลานี้กำลังขะมักเขม้น กับการให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาร่างคำชี้แจง และมีการตรวจทานอย่างเข้มข้น เพื่อลดความเสี่ยง และรอดพ้นจากคดีดังกล่าว ซึ่งน้ำหนักของความตึงเครียดในคดี วัดได้จากการแต่งตั้ง นายวิษณุ เครืองาม ที่เป็นกูรูด้านกฎหมายมาเป็นที่ปรึกษา รวมไปถึงให้มาตรวจหนังสือคำชี้แจง ก่อนส่งถึงมือศาลรัฐธรรมนูญ

เพราะหากโฟกัสแค่ความตึงเครียด และความน่าหวาดเสียวแล้ว ย่อมจับสัญญาณ ได้จากการเข้าไปขอร้องให้ นายวิษณุ เครืองาม เข้ามาช่วยเหลือ ตั้งแต่ขอให้เข้ามาเป็น รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย จนสุดท้ายมาลงเอยในตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แต่มีอำนาจไม่ต่างจาก รองนายกรัฐมนตรีเลยก็ว่าได้ เพราะทำหน้าที่ในการกลั่นกรองวาระก่อนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี ทุกสัปดาห์อีกด้วย

แม้ว่าในข้อเท็จจริงแล้ว นายวิษณุ มีปัญหาด้านสุขภาพ ต้องฟอกไตทุกวัน แต่การยอมรับมาเป็นที่ปรึกษากฎหมายและทุกเรื่องของรัฐบาล โดยเฉพาะทำหน้าในการตรวจทาน หรือจะว่าไปอาจเป็นคนทำหนังสือชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยตัวเองก็เป็นไปได้สูง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียด และความเสี่ยงของ นายกรัฐมนตรี ที่กำลังถูกชี้ชะตาในศาลอีกไม่กี่วันข้างหน้า

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมกับทีมงานด้านกฎหมาย เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน เพื่อทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญนายกรัฐมนตรีได้ร่วมประชุมด้วยหรือไม่ ว่า เมื่อวานนี้ตนไม่ได้เข้าประชุมด้วย นายวิษณุ ประชุมร่วมกับทีมงานกฎหมายทั้งหมด “ให้ท่านได้มีเวลาในการดูข้อมูลทั้งหมด ซึ่งจะครบกำหนด 15 วันในวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายนนี้ ”

เมื่อถามว่า ถึงเวลานี้ยังมีอะไรต้องกังวลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “เรื่องกังวลไม่ต้องถามเพราะกังวลทุกเรื่อง” ส่วนคำชี้แจงยังต้องแก้ไขเพราะเมื่อวานก็ได้มีการประชุม

ถามถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกกับ สส.ในที่ประชุมพรรให้สนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรี หลังเกิดกระแสความไม่พอใจภายในพรรคถึงการแต่งตั้ง นายวิษณุ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ได้ยินมา และติดตามจากสื่อมวลชนที่รายงานข่าว ยืนยันว่าตนไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะเข้าร่วมประชุมพรรค เพราะหากมีเวลาว่างก็จะเดินทางเข้าพรรคตลอด อีกทั้งช่วงนี้สภาฯก็ปิด จึงยังไม่มีเรื่องอะไร แต่เมื่อสภาเปิดแล้ว ตนก็คงเข้าไปอยู่ที่สภาฯในวันพฤหัสบดีเหมือนเดิม และถ้าว่างก็จะเข้าร่วมประชุมพรรคทุกวันอังคาร ก็จะได้มีเวลาพบปะกับ สส.

ส่วนเรื่องที่ น.สแพทองธาร พูดกับ สส. ในพรรคก็ได้ติดตามข่าวจากสื่อมวลชน ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีทั้งคนที่พอใจ และไม่พอใจ แต่ตนเชื่อว่าคำอธิบายก็มีความชัดเจน

เมื่อถามว่าหากนายกฯ เข้าไปพูดคุยด้วยตนเองจะทำให้สส. สบายใจมากกว่าการให้คนอื่นพูดแทนหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวยอมรับว่า ก็เป็นอีกแนวคิดหนึ่ง ซึ่งถ้าว่าง หรือมีเวลา ก็จะเข้าไปและเมื่อมีการถามก็จะชี้แจงต่อไปเรื่อยๆ เหมือนคำถามของสื่อมวลชน ที่ถามแล้วถามอีก ก็เป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องชี้แจงต่อไป ก็ไม่ได้คิดอะไรมากและเข้าใจว่าถ้าเกิดมีการถามซ้ำก็แสดงว่ายังมีความกังวลอยู่ ก็เป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องพยายามอธิบายต่อไป

เมื่อถามย้ำว่า จะยิ่งทำให้เกิดช่องว่างระหว่างนายกฯกับ สส.ในพรรคหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ เพราะตนก็ลงพื้นที่ตลอด ส่วนไหนที่เราพูดรู้เรื่องกันแล้วมันก็รู้เรื่อง แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องของการร่วมกัน ก็คงไม่สบายใจกันทุกเรื่องเสมอไป แต่ถ้าเรื่องสบายใจ 80% ไม่สบายใจอีก 20% เราก็ต้องพยามทำในส่วนของ 20% ให้ลดลงไปเรื่อยๆ ตรงนี้เป็นหน้าที่อยู่แล้ว ที่ต้องพยายามทำต่อไป เพื่อให้ความกระจ่างกับคนที่ทำงานด้วยกัน ส่วนเรื่องของการลงพื้นที่และทีมงานที่มาพูดคุย แนะนำปัญหาต่างๆ ของพี่น้องประชาชนตนก็รับฟังตลอดอยู่แล้ว บางครั้งก็ผ่านทีมทำงาน บางครั้งตนก็รับฟังด้วยตนเอง

เมื่อถามว่า ในอนาคตเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการพูดคุยกับ สส.เป็นแบบรายภาค นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า ทำอยู่แล้ว และทำเป็นประจำอยู่แล้ว แต่บางครั้งก็ไม่ได้มีการเปิดเผยกับสื่อมวลชน โดยมีการนำเรื่องของนโยบายมาจับประเด็น ซึ่งถ้าเกิดสส.คนไหน ภาคไหน พรรคไหน ที่มีผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบตนก็จะมานั่งฟังความคิดเห็นเพื่อปรับนโยบายให้ตรงความต้องการของประชาชน เพราะ สส. คือ ตัวแทนของประชาชน

นั่นเป็นกรณีของ นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ต้องส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ โดยได้ขอให้ นายวิษณุ มาช่วยตรวจดูก่อน ความหมายก็คือ เมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวด์ของเขา รวมไปถึง ฉายา “เนติบริกร” ที่ต้องลงมือเอง แบบนี้มันย่อมสะท้อนให้เห็นว่ามันน่าหวาดเสียวเพียงใด

อีกกรณีหนึ่งที่น่าจับตาไม่แพ้กันก็คือ อัยการสูงสุดนัดสั่งฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร ในความผิด มาตรา 112 และ ความผิดตามกฎหมายคอมพิวเตอร์ ในวันที่ 18 มิถุนายน แม้ว่าตามรูปการณ์แล้ว กว่าจะมีผลสรุปต้องใช้เวลานานนับปี แต่มันมีความหมายให้ต้องติดตาม ก็คือ ในวันดังกล่าวเขาจะมาตามนัดหรือไม่ หรือมาแล้วจะได้ประกันตัวหรือไม่ หรือหากไม่มาจะใช้ข้ออ้างอะไร รวมไปถึง “จะหนี” อีกหรือไม่

และที่น่าสนใจไปกว่านั้น ที่มีเสียงซุบซิบกันว่ามีการ “แหกดีล” จนมีผลแบบนี้ หรือเปล่า แต่บรรดานักวิเคราะห์หลายคนพยายามชี้ให้เห็นแบบนี้มานานแล้ว ขณะเดียวกันยังประเมินต่อไปอีกว่า ในที่สุดแล้ว นายทักษิณ ชินวัตร น่าจะไม่รอดมากกว่ารอด

ดังนั้น หากพิจารณาทั้งสองกรณีคือ ทั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก คือในเดือนมิถุนายน ทั้งคู่มีอัตราเสี่ยงสูง เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย เพราะผลที่ตามมามันส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งกับรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะกับพรรคเพื่อไทย ทุกสายตาจึงต้องจับตาเป็นพิเศษ

นี่ยังไม่นับกรณีของคำร้องยุบพรรคก้าวไกล ที่ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาครั้งต่อไปในวันที่ 12 มิถุนายน หลังจากส่งคำชี้แจงไปแล้ว!!


กำลังโหลดความคิดเห็น