เมืองไทย 360 องศา
ในที่สุด นายทักษิณ ชินวัตร ก็ถูกอัยการสั่งฟ้องในคดีความผิดตาม มาตรา 112 โดยนัดหมายให้นำตัวไปส่งฟ้องศาลในวันที่ 18 มิถุนายน ทำให้ตัวเขาต้องมีชนักปักหลัง ทำให้ไม่อาจเคลื่อนไหวได้แบบอิสระได้ดังใจ แม้ว่าเขากำลังจะพ้นจากการ “พักโทษ” คดีอาญาอีกคดีหนึ่งก็ตาม
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกอัยการสูงสุด แถลงกรณีอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง พันตํารวจโท หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
โดยคดีนี้ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 สํานักงานอัยการสูงสุดได้รับสํานวนคดีการกระทําความผิดนอกราชอาณาจักรจากพนักงานสอบสวน กองกํากับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผู้กล่าวหา พันตํารวจโท หรือนายทักษิณ ชินวัตร ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และประเทศไทย เกี่ยวพันกัน
เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทย ได้กระทําลงนอกราชอาณาจักรไทย จึงเป็นคดีที่อยู่ในอํานาจของอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบดําเนินคดี โดยในขั้นแรก พันตํารวจโท หรือนายทักษิณ ชินวัตร หลบหนี ยังไม่ได้ตัวมาทำการสอบสวน ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุดในขณะนั้น พิจารณาแล้วได้มีคําสั่ง เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 เห็นควรสั่งฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร ตามข้อกล่าวหา
ต่อมาพันตํารวจโท หรือนายทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร และถูกควบคุมตัวไว้ในคดีอื่น และในวันที่ 17 มกราคม 2567 อธิบดีอัยการ สํานักงานการสอบสวน และคณะ ร่วมกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกับพฤติการณ์และข้อเท็จจริงทางคดีนี้ให้กับพันตํารวจโท หรือนายทักษิณ ชินวัตร ทราบแล้ว ปรากฏว่าผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พร้อมกับยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด และต่อมา นายอํานาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด ได้มีคําสั่งสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นที่ผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรม และพนักงานสอบสวนได้ดําเนินการสอบสวนเพิ่มเติมครบถ้วนแล้ว พร้อมได้ส่งบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนเพิ่มเติมให้กับอัยการสูงสุดพิจารณา
บัดนี้ อัยการสูงสุดได้ตรวจพิจารณาสํานวนและมีคําสั่งฟ้อง พันตํารวจโท หรือนายทักษิณ ชินวัตร ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 112 คําสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 1 พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3, 14(3) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 8
อย่างไรก็ดี เนื่องจาก พันตำรวจโท หรือ นายทักษิณ ชินวัตร ได้ให้ทนายความมาแจ้งว่าไม่อาจมาพบพนักงานอัยการ เนื่องจากมีอาการป่วยติดเชื้อโควิด โดยแพทย์ได้ให้พักเพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 7 วันพร้อมแนบใบรับรองแพทย์มาด้วย
ดังนั้นเมื่อพิจารณาแล้วจึงอนุญาตให้เลื่อนไปวันที่ 18 มิถุนายน 2567 เพื่อนัดให้มาพบพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลในวันดังกล่าวต่อไป
ถือว่าเวลานี้ นายทักษิณ ชินวัตร จากเป็นผู้ต้องหา กำลังจะกลายเป็นจำเลยในคดีความผิดมาตรา 112 และความผิดว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน เป็นต้นไป ทำให้เขาต้องมี “ชนัก” ปักหลังอีกคดี ซึ่งถือว่ามีอัตราโทษสูงเสียด้วย หลังจากกำลังจะพ้นโทษจากคดีความผิดทางอาญาคดีอื่น ที่ได้รับการลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี และกำลังอยู่ในระหว่างการได้รับการ “พักโทษ” โดยจะพ้นโทษอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่เมื่อเจอคดีสำคัญแบบนี้ถือว่าส่งผลกระทบกับเขา รวมไปถึงส่งผลกระทบในวงกว้างสำหรับเครือข่ายทางการเมืองของเขาอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวนับจากนี้ไป จะไม่มีความสะดวก หรือมีความอิสระ เพราะจากเดิมเชื่อว่าเมื่อนายทักษิณ พ้นโทษจากคดีที่ถูกพักโทษไปแล้ว เขาน่าจะเคลื่อนไหวทางการเมืองได้อย่างเต็มที่ หลังจากก่อนหน้านี้ แม้ว่ายังมีสถานะนักโทษ เขาก็ยังเคลื่อนไหวแบบไม่มีพัก มีทั้งนักการเมือง ข้าราชการ การพบปะมวลชน ทำตัวไม่ต่างจากนายกรัฐมนตรี มีการไปตรวจราชการในต่างจังหวัด เรียกว่าไม่แคร์สายตาใคร
อย่างไรก็ดี แม้จะยังเชื่อว่า สำหรับนายทักษิณ ชินวัตร แล้ว นาทีนี้คงยังไม่หยุดเคลื่อนไหว เนื่องจากอยู่ภาวะที่เรียกว่า “เดิมพันสูง” หลังจากที่ความนิยมของพรรคเพื่อไทย รัฐบาล รวมถึงทายาทการเมือง คือ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นั้นยังไม่ปัง ยังตามหลังคู่แข่งอย่างพรรคก้าวไกลหลายช่วงตัว ก็ยิ่งกลายเป็นแรงกระตุ้นให้หนักมือยิ่งขึ้น เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม
ขณะเดียวกัน แม้ว่าในตอนนี้ นายทักษิณ ชินวัตร ยังไม่มีความผิด ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาออกมา แต่การถูกฟ้องเป็นจำเลย และเป็นคดีสำคัญมีอัตราโทษสูง ย่อมต้องทำให้อยู่ในภาวะอึดอัด ไม่สะดวกอย่างแน่นอน และอีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับ “ขาข้างหนึ่งแหย่เข้าคุก” เริ่มมีอัตราเสี่ยง
แม้ว่ามีหลายคนวิเคราะห์ว่า สาเหตุของการถูกสั่งฟ้องคราวนี้ อาจมาจาก“ดีลลับ” ที่เขาเคลื่อนไหว “ล้ำเส้น” ก็ตาม ซึ่งอาจจะจริง หรือไม่จริงก็ได้ แต่เมื่อพิจารณาจากสาเหตุก็มาจากคำให้สัมภาษณ์ที่เกาหลีใต้ เมื่อปี 59 ที่พาดพิงเบื้องสูง เมื่อมีการแปลถอดความออกมาแล้ว มันก็น่าหวาดเสียว สำหรับความผิดจริงๆ
แน่นอนว่าผลจากการสั่งฟ้องในคดี มาตรา 112 คราวนี้ จะเปรียบเหมือนมี ชนัก ปักหลังเขาอีกนาน ซึ่งในกระบวนการดำเนินคดีในชั้นศาล คงต้องใช้เวลาไม่น้อย อาจทำให้เกิดอาการ “พะวง” ทำอะไรได้ไม่เต็มที่ ยิ่งในภาวะทางการเมือง ที่ไม่ค่อยเป็นใจในเวลานี้ ยิ่งจำเป็นต้อง“ออกตัวแรง” แต่เมื่อมาโดนแบบนี้ มันก็ทำให้เสียจังหวะ ทำให้รวนทั้งขบวนได้เหมือนกัน !!