นักวิชาการ แนะจับตา 18 มิ.ย. 3 คดีสำคัญสัมพันธ์กัน อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เสนอยกเลิกทฤษฎี 3 ล้ม เชื่อยังมีโอกาสเกิดรัฐประหารได้เหมือนยุค ลับ ลวง พราง มองก้าวไกลเสี่ยงสูงถูกยุบ ชี้ “ทักษิณ” โต้คนในป่า ทำบางพรรคโดนเตะออกจาก รบ.เกือบครึ่ง
วันนี้ (12 มิ.ย.) นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงปรากฏการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ว่า ในเดือน มิ.ย. มีหลายเรื่องที่มาบรรจบกันพอดี ไม่ว่าจะคดี นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ถูกร้องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ คดี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า จะเดินทางไปที่ศาลอาญาในวันที่ 18 มิ.ย. หรือไม่ รวมทั้งคดียุบพรรคก้าวไกล ซึ่งวันนี้พรรคส่งคำชี้แจงเรียบร้อยแล้ว โดยล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญ นัดพิจารณาวันที่ 18 มิ.ย. ฉะนั้น ด้วยสถานการณ์ที่มาบรรจบกัน จึงทำให้เดือน มิ.ย. เกิดกระแสข่าวจำนวนมาก เช่น อาจเกิดรัฐประหาร ผนวกกับการเลือก ส.ว.ที่กำลังดำเนินการ ตนคิดว่าคงไม่ถึงขั้นรัฐประหาร แต่ปฏิเสธไม่ได้ภายใต้สถานการณ์สังคมบริบททางการเมืองแบบประเทศไทย ที่ประชาธิปไตยยังไม่ตั้งมั่น ดังนั้น กระบวนการเกิดรัฐประหารจึงมีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่จะมีพัฒนาการหรือรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยขนอาวุธ บุกยึดสถานที่สำคัญ ระยะหลังมีพัฒนาการรัฐประหารด้วยดอกไม้ และรัฐประหารในห้องประชุม เรียกว่า มีพัฒนาการไม่น้อยกว่าพัฒนาการประชาธิปไตย
“ถามว่า สถานการณ์เหล่านี้มีโอกาสนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ก็ต้องบอกว่ายังมีโอกาส แต่ผมคิดว่า สุดท้ายการเปลี่ยนแปลงถึงขั้นล้มรัฐบาล ล้มพรรคก้าวไกล หรือ ล้ม ส.ว. คงไม่ถึงขนาดนั้น แม้ว่าตอนนี้จะมีทฤษฎี 3 ล้ม แต่ผมขอเสนอล้มที่ 4 คือ ขอให้คนที่คิดแบบนี้ยกเลิกความคิดนี้ เพื่อให้บ้านเมืองได้ไปต่อ เพราะถ้าล้มนายกฯ พรรคก้าวไกล หรือ ล้ม ส.ว. สุดท้ายผลที่เกิดขึ้น คือ ความขัดแย้งทางการเมือง” นายยุทธพร กล่าว
เมื่อถามว่า มองดุลอำนาจระหว่างพรรคเพื่อไทยกับทหารอย่างไร นายยุทธพร กล่าวว่า การรัฐประหารโดยใช้กำลังทหาร ณ วันนี้ บริบททางการเมืองและกระแสโลก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่รัฐประหารโดยใช้รูปแบบอื่น มีโอกาสเป็นไปได้ แต่หากถามว่าความสัมพันธ์อันดีระหว่างพลเรือนกับกองทัพ จะเป็นคำตอบว่าจะมีรัฐประหารหรือไม่ เราก็เคยเห็นหลายยุคสิ่งที่เรียกว่า ลับ ลวง พราง เพราะฉะนั้น ภายใต้สถานการณ์ที่ประชาธิปไตยยังไม่ตั้งมั่น มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนอกระบบ
ถามต่อว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าพรรคก้าวไกลจะถูกยุบหรือไม่ แต่คนภายในพรรคเริ่มเคลื่อนไหว แสดงว่า พรรคก้าวไกลมีโอกาสถูกยุบพรรคใช่หรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกยุบในเชิงทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ในเชิงกฎหมายต้องบอกว่า เรื่องของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 92(1) และ (2) ถือว่าโคลนนิ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ดังนั้น ในคดีล้มล้างการปกครอง ซึ่งพรรคเคยถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาแล้ว ในแง่ข้อกฎหมายพิจารณาเป็นอย่างอื่นได้ยาก ส่วนในแง่ข้อเท็จจริงคดีนี้ มาตรา 49 ศาลได้สืบข้อเท็จจริงต่างๆ ซึ่งปรากฏอยู่ในคำวินิจฉัยค่อนข้างละเอียด ฉะนั้น 9 ข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกลจึงเป็นสิ่งที่ต้องไปพิจารณาว่ามีน้ำหนักที่ศาลจะฟังขึ้นหรือไม่ เพราะ 9 ข้อส่วนใหญ่เป็นเรื่องข้อเท็จจริง
ถามต่อว่า หากเกิดอะไรขึ้นในช่วงนี้ จะทำให้ขั้วการเมืองเปลี่ยนไปหรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า การเปลี่ยนขั้วการเมืองต้องไปดูความสำคัญในคดีของนายเศรษฐาด้วย ถ้าต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จะทำให้ต้องเลือกนายกฯใหม่และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ถ้าถึงตอนนั้นโอกาสที่จะสลับขั้ว ข้ามขั้ว และเกิดกรณียุบพรรคก้าวไกลในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน ก็เป็นไปได้ที่จะเห็นเรื่องการย้ายพรรค ซึ่งอาจนำไปสู่พรรคใหม่และอาจไปจับขั้ว ฉะนั้น เดือน มิ.ย. 3 เรื่องนี้ มีความสัมพันธ์กันหมด
ถามถึงกรณีนายทักษิณพาดพิงถึงคนในป่า ไม่ใช่สัญญาณจะเปลี่ยนขั้วการเมืองใช่หรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า เป็นการโต้ตอบของนายทักษิณ ที่เกิดขึ้นกับกรณีที่ 40 ส.ว. ร้องศาลรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบนายเศรษฐา ถ้าพูดอย่างตรงไปตรงมา 40 ส.ว. เป็นส.ว.ที่เกิดจากการแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าที่มาที่ไปแต่ละ ส.ว.มาอย่างไร ดังนั้น เมื่อมีกระแสข่าวเรื่องนี้ ทางนายทักษิณก็ต้องออกมาโต้ตอบหรือสื่อสารให้สังคมเห็นว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ อย่างไร แต่พอไปถามว่าคนในป่าคือใคร ก็ไม่มีใครรู้ แม้แต่นายทักษิณเองยังไม่รู้
“เป็นกระบวนการโต้ตอบและเปิดเกมเชิงรุก แต่ถามว่า จะถึงขั้นปรับบางพรรคออกจากรัฐบาลหรือไม่นั้น ตนคิดว่าถ้าปรับก็ไม่ใช่ทั้งพรรค เพราะพรรคดังกล่าวมีแกนนำบางคนใกล้ชิดสนิทสนมกับพรรคเพื่อไทยอยู่ และอาจดึงบางพรรคซึ่งอยู่ในฝ่ายค้านเข้ามาไม่ทั้งพรรค เช่นเดียวกัน เราจะได้เห็นปรากฏการณ์แปลกๆ ในการเมืองไทย คือ ร่วมรัฐบาลครึ่งพรรค และเป็นฝ่ายค้านครึ่งพรรค เรียกว่า เป็นรัฐบาลคนละครึ่ง ฝ่ายค้านคนละครึ่ง” นายยุทธพร กล่าว