“ชัยธวัช“ ลุ้นศาลรธน.เรียกไต่สวน มองศาลเห็นความสำคัญข้อต่อสู้ก้าวไกล เผยส่งทีมกม.ยื่นคลิปมัดปธ.กกต. หลังรับข้ามขั้นตอนระเบียบ ลั่นมั่นใจลูกพรรคไม่เช็กชื่อ แม้ “งูเห่า” ไร้อุดมการณ์ขอเป็นสมัยเดียว ปัดเสียขวัญทำงานงบ 68 ต่อ
วันนี้ (12มิ.ย.) นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกบัญชีรายชื่อพยานหลักฐาน คดียุบพรรคก้าวไกลเพิ่มเติมจากกกต.ว่ายังไม่สามารถสรุปได้ เพราะหลังจากที่เราได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปแล้ว ฝ่ายกฎหมายของพรรคก็ได้ไปยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติม และขอให้ศาลไต่สวน แต่วันนี้ศาลยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องการเปิดไต่สวนหรือเรียกพยานตามที่พรรคก้าวไกลในฐานะผู้ถูกร้องยื่นไป วันนี้ที่เห็นตามเอกสารคือการมีมติสั่งให้ กกต. ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งก่อนหน้านี้ กกต. ก็เคยยื่นพยานหลักฐานและพยานบุคคลไปให้ศาลแล้ว เท่าที่เราทราบ ดังนั้นที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ กกต.ยื่นเพิ่มเติมจะเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร เป็นพยานบุคคลหรือเอกสารก็ยังไม่ทราบแต่ตนคาดการณ์ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับข้อโต้แย้งของพรรคก้าวไกล เรื่องการยื่นของ กกต.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งภายในวันนี้ ฝ่ายกฎหมายพรรคก้าวไกลก็จะไปยื่นบัญชีเอกสารเพิ่มเติมเหมือนกัน
“เป็นคำให้สัมภาษณ์ของประธาน กกต.เอง ซึ่งเราเห็นว่านี่เป็นการยอมรับโดยตัว กกต.เองว่าตัวเองไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบที่ กกต.กำหนด ในการยื่นยุบพรรค ตามมาตรา 92 และ 93 ที่ประกอบด้วยระเบียบที่ กกต.เป็นคนกำหนดกฏเกณฑ์ออกมา เราเองก็จะไปยื่นเพิ่มเติมเหมือนกัน เพื่อประกอบข้อต่อสู้ของเราในวันนี้” นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า เรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญ ให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญศึกษาเพิ่มเติมตนก็ไม่ทราบรายละเอียด แต่ถ้าจะให้คาดการณ์ ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกลไม่ว่าจะเรื่องเขตอำนาจศาล หรืออำนาจในการตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค
เมื่อถามว่าเป็นไปตามที่ประเมินไว้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า แสดงว่าศาลรัฐธรรมนูญเห็นประเด็นสำคัญในข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล จึงมีการให้ส่งเอกสารเพิ่มเติม หรือให้สำนักงานศึกษาเพิ่มเติมแต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าสุดท้ายศาลจะเปิดให้ไต่สวนหรือไม่ ซึ่งจะทราบเร็วที่สุดคือสัปดาห์หน้า ซึ่งพรรคก้าวไกลก็หวังว่าศาลจะเปิดโอกาสให้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ มีการไต่สวนพยาน มีการพิจารณาข้อเท็จจริงใหม่อย่างเต็มที่ ส่วนประเมินว่าศาลจะเปิดให้ไต่สวนเต็มรูปแบบ หรือ สั่งให้ปากคำแบบปิดตนไม่ทราบ แต่การเปิดไต่สวนอย่างเปิดเผยย่อมดีที่สุดกับทุกฝ่าย เพื่อให้สุดท้ายคำวินิจฉัยออกมาเป็นที่ยอมรับ
เมื่อถามว่าได้มีการเช็คชื่อลูกพรรคบ้างหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเช็คชื่อตอนนี้ สส. เตรียมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เป็นหลัก ซึ่งตอนนี้อยู่ในโค้งสุดท้ายแล้วอาจมีการปรับอีกเล็กน้อย ในช่วงสัปดาห์ที่เหลือ
เมื่อถามว่าประเด็นเรื่องงูเห่าถ้าคนที่ไม่คิดเป็นสส.แล้วก็คงไม่ยึดมั่นในอุดมการณ์ เพราะอยากเป็น สส.แค่เพียงรอบเดียว นายชัยธวัช กล่าวว่าตนยังเชื่อมั่นกับสส. ของพรรคก้าวไกล ว่าจะไม่คิดเรื่องตัวเองเป็นตัวตั้ง และเห็นความสำคัญของการไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
“เราไม่ได้เสียขวัญ ยิ่งฟังที่คุณพิธา (ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ) แถลงเรื่องข้อต่อสู้ในคดี ก็ยิ่งทำให้สส.ของพรรค รู้สึกว่ามีประเด็นในการต่อสู้ได้อยู่ ขออย่าเพิ่งไปสรุปว่า สุดท้ายแล้วคดีนี้ผลจะออกมาอย่างไรแน่นอน”
ทั้งนี้ นายชัยธวัช ไม่ได้ประเมินว่ากกต.จะมีข้อต่อสู้หรือโต้แย้งอย่างไร จึงขอฝากสื่อฯไปถามกกต.
ส่วนที่ประธาน กกต. ระบุว่าการที่ยื่นเอกสาร ไปยังศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ให้พรรคก้าวไกลชี้แจง พร้อมมีเอกสารข้อเท็จจริงคำพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 31 ม.ค. 2567 มาแล้วจึงไม่จำเป็น ต้องให้พรรคก้าวไกลชี้แจงนายชัยธวัชระบุว่า การแยกข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน เป็นคนละเรื่องกับการปฏิบัติ ตามกระบวนการตามกฎหมายและระเบียบที่กกตเป็นผู้กำหนด และขอย้ำว่าการยื่นร้องยุบพรรค ตามมาตรา 92 ของพรป. ว่าด้วยพรรคการเมือง แต่การปฏิบัติต้องปฏิบัติประกอบกระบวนการตามมาตรา 93 และระเบียบที่กกต.เป็นผู้กำหนด มารองรับการปฏิบัติ ซึ่งต้องมีขั้นตอนที่ให้มีการตั้งคณะบุคคลขึ้นมา เพื่อสรุปรายงานให้แก่นายทะเบียนพรรคการเมือง และคณะกรรมการการเลือกตั้ง พิจารณาก่อนจะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้น
การบอกว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว ไม่ได้เป็นเหตุผล ที่จะไม่ทำตามกฎหมาย รวมถึงระเบียบที่ตัวเองเป็นผู้กำหนด แม้จะมีพยานหลักฐานเพียงพอ กระบวนการตามขั้นตอนก็ต้องมีครบ และต้องให้พรรคก้าวไกลในฐานะผู้ถูกร้องได้มีโอกาสโต้แย้งก่อน แล้วค่อยมีมติออกมาว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอจึงไปยื่นคำร้องยุบพรรค ซึ่งปม้กระทั่งการที่กกต.มีเอกสารเผยแพร่ให้พรรคการเมืองก็ขัดเจนมาตลอดว่าต้องใช้แบบนี้ ไม่มีช่องทางใดที่ให้กกต.ใช้ดุลยพินิจโดยลำพัง