xs
xsm
sm
md
lg

วัดใจ กกต.เลื่อนเลือก สว.หรือไม่ เมื่อศาล รธน.รับตีความข้อกฎหมาย 4 มาตรา ** “ชัชชาติ” ยินดี“แก้ผ้า”โชว์แข็งแกร่งในปฐพีให้ตรวจสอบ หรือแก้ผ้าเอาหน้ารอด กับดรามาลู่วิ่งแพงเวอร์!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อิทธิพร บุญประคอง - แสวง บุญมี - ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ข่าวปนคน คนปนข่าว

** วัดใจ กกต.เลื่อนเลือก สว.หรือไม่ เมื่อศาล รธน.รับตีความข้อกฎหมาย 4 มาตรา

ในการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา ศาลฯมีมติเสียงข้างมาก ให้รับคำร้องในคดีที่ ศาลปกครองกลาง ส่งคำโต้แย้งของผู้ สมัคร สว.ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มาตรา 212 ว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 36 มาตรา 40 มาตรา 41 และ มาตรา 42 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่

โดย มาตรา 36 เป็นบทบัญญัติที่กำหนดให้ผู้สมัคร สว. แนะนำตัวได้ตามวิธีการและเงื่อนไขที่กกต. กำหนด หรือบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่ผู้สมัคร จะช่วยเหลือผู้สมัครในการแนะนำตัว ต้องปฏิบัติตามวิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด

ส่วนมาตรา 40 วรรคหนึ่ง (3) มาตรา 41 วรรคหนึ่ง (3) และ มาตรา 42 วรรคหนึ่ง (3) เกี่ยวข้องกับวิธีการเลือก ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ ที่กำหนดให้ผู้สมัครแต่ละกลุ่ม , ผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอ , ผู้ได้รับเลือกระดับจังหวัด ลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกันได้ไม่เกิน 2 คน โดยจะลงคะแนนเลือกตนเองก็ได้ แต่จะลงคะแนนให้บุคคลใดเกิน 1 คะแนนมิได้ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่

เรื่องการแนะนำตัวของผู้สมัคร กับ กระบวนการเลือกกันเอง ในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และการเลือกไขว้ เป็นปัญหา ที่สร้างความสับสนให้กับผู้สมัครมาตั้งแต่ต้น นี่ยังไม่นับการสมัครไม่ตรงกับกลุ่มอาชีพ และบางอำเภอที่มีผู้สมัครแค่กลุ่มอาชีพเดียว ทำให้เลือกไขว้ไม่ได้ จึงถูกกกต.ตัดสิทธิ์ไป ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของผู้สมัคร ก็เป็นเรื่องที่กำลังมีการวิพากษ์วิจารณ์กัน

ทั้งนี้ กกต.ได้อธิบายถึงการเลือก สว.ในระดับอำเภอว่า ให้ผู้สมัครแต่ละกลุ่มอาชีพ เลือกผู้สมัครในกลุ่มเดียวกันได้ไม่เกิน 2 คน โดยจะลงคะแนนให้ตนเองก็ได้ แต่จะลงคะแนนให้บุคคลใดเกิน 1 คะแนนมิได้ ผู้ได้รับคะแนนสูงสุด 5 ลำดับแรกของแต่ละกลุ่ม รวมถึงกลุ่มที่มีผู้สมัคร หรือผู้มารายงานตัวไม่เกิน 5 คน ให้เป็นผู้ได้รับเลือกขั้นต้นในกลุ่มนั้นๆ ทันที

กรณีกลุ่มใดมีผู้ได้รับคะแนนเท่ากัน จนเป็นเหตุทำให้มีผู้ได้คะแนนสูงสุดเกิน 5 คน ให้ผู้ได้คะแนนเท่ากันดำเนินการจับสลากกันเอง เพื่อหาผู้ได้รับเลือกขั้นต้นในกลุ่มนั้น กรณีกลุ่มใดมีผู้ได้คะแนนไม่ถึง 5 คน ให้เฉพาะผู้ซึ่งได้คะแนนเป็นผู้สมัครที่ได้รับเลือกขั้นต้น ในกลุ่มนั้น

จากนั้น เข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินการแบ่งสาย และการจับสลากเพื่อแบ่งสาย โดยให้ผู้ได้รับเลือกชั้นต้นของแต่ละกลุ่ม ส่งตัวแทนเพื่อจับสลากแบ่งสาย จำนวนไม่เกิน 4 สาย สายละ 3 - 5 กลุ่ม ก่อนเข้าสู่การเลือกรอบที่ 2

ในรอบที่ 2 จะเป็นการลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอาชีพอื่น ที่อยู่ในสายเดียวกัน โดยผู้สมัครแต่ละคน มีสิทธิลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครที่เป็นผู้ได้รับเลือกขั้นต้นในกลุ่มอื่น ที่อยู่สายเดียวกันได้กลุ่มละ 1 คน โดยจะลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครในกลุ่มเดียวกัน หรือเลือกตนเองมิได้ ผู้ได้คะแนนสูงสุด 3 ลำดับแรก ของแต่ละกลุ่ม ถ้าคะแนนเท่ากันจนทำให้มีผู้ได้คะแนนสูงสุดเกิน 3 คน ให้ผู้ที่ได้คะแนนเท่ากันจับสลากกันเอง เพื่อให้ได้ผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอในกลุ่มนั้น

เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการดังกล่าวแล้ว ผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ จะประกาศบัญชีรายชื่อ ผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอ พร้อมจัดส่งให้ผู้อำนวยการ การเลือก ระดับจังหวัดดำเนินการต่อไป

ความไม่ชัดเจนในการเลือกรอบแรก คือ เลือกได้ไม่เกิน 2 คน โดยจะลงคะแนนให้ตนเอง หรือไม่ลงให้ตนเองก็ได้ ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ผู้ที่มาสมัคร ก็หวังว่าตัวเองจะได้เป็นสว. ก็ควรจะลงคะแนนให้กับตัวเอง กับคนอื่นอีก 1 คน แต่ถ้าไม่ลงคะแนนให้ตัวเอง แล้วลงคะแนนให้คนอื่น ก็จะถูกมองว่า อยู่ในกระบวนการฮั้ว หรือรับจ้างมาสมัคร หรือไม่

บัดนี้ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณาวินิจฉัย แม้จะไม่ได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว แต่ กกต.ในฐานะผู้ออกระเบียบ กติกา และดูแลการจัดการเลือกสว. ครั้งนี้ ก็ออกอาการร้อนๆ หนาวๆ กันแล้ว

ดังนั้น ต้องจับตาว่าการประชุม กกต. ที่มี “อิทธิพร บุญประคอง” ประธาน กกต. เป็นประธานการประชุมในวันนี้ (7 มิ.ย.) ที่จะหารือในประเด็น ศาลรัฐธรรมนูญ รับวินิจฉัย 4 มาตรา ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. 2561 นั้น ทาง กกต.จะตัดสินใจอย่างไร

จะเดินหน้าต่อ โดยไม่รอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หรือ จะเลื่อนการเลือก สว. ออกไปก่อน เพื่อรอความชัดเจนจากศาลฯ จะได้ไม่ต้องเสี่ยงคุก เสี่ยงตะราง

มีความเป็นไปได้ว่า ทางสำนักงาน กกต. โดย “แสวง บุญมี” เลขาฯกกต. อาจจะเสนอให้ กกต.ใช้อำนาจตาม มาตรา 35 พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. 2561 ประกาศเลื่อนการเลือกสว. ที่ระดับอำเภอกำหนดไว้ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ ออกไปก่อน เพื่อรอความชัดเจน การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายจากศาลรัฐธรรมนูญ

มองกันว่า หาก กกต.ยังคงยืนยันเดินหน้าตามแผนงานเดิมที่วางไว้ ย่อมเสี่ยงต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ทั้งกับตัวผู้สมัคร และ กกต.เอง ที่สำคัญ อาจนำไปสู่การร้องให้การเลือก สว.ครั้งนี้ เป็นโมฆะได้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า การที่ทั้ง 4 มาตรา ของกฎหมายดังกล่าว กำหนดวิธีการเลือกว่า ผู้สมัคร สว. จะลงคะแนนเลือกตนเองก็ได้ แต่จะลงคะแนนให้บุคคลใดเกิน1คะแนนมิได้ ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 ซึ่งก็จะทำให้ กกต. หนีไม่พ้นถูกฟ้องให้ชดใช้ค่าเสียหาย เหมือนการเลือกตั้งในอดีต

ในเมื่อขณะนี้ขั้นตอนของการเลือกสว. ยังไม่เกิดขึ้น กระบวนการจัดการเลือก ก็ยังอยู่ ผู้สมัครก็ยังถือว่าไม่เสียหาย ดังนั้น ถ้ากกต.มีมติเลื่อนการเลือกสว. ออดกไปก่อน เพื่อรอศาลฯ วินิจฉัยให้ชัดเจน ก็น่าจะเป็นผลดีกว่า เพราะคาดว่าไม่น่าเกิน 2 สัปดาห์ก็จะมีคำวินิจฉัยออกมา

ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทั้ง 4 มาตรา ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ทางสำนักงาน กกต. ก็ สามารถเริ่มกระบวนการเลือก สว.ต่อไปได้ แต่ถ้าศาลฯ มีคำวินิจฉัยว่า ขัดรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องมีการไปแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มา ซึ่งวุฒิสภา พ.ศ. 2561 เสียก่อน ตรงนี้อาจจะใช้เวลานานพอสมควร โดยสว.ชุดปัจจุบัน จะยังคงรักษาการต่อไป

แต่ถ้า กกต. ตัดสินใจเดินหน้า แล้วศาลฯวินิจฉัยว่า 4 มาตราดังกล่าว ขัดรัฐธรรมนูญ คราวนี้ล่ะเรื่องยาว อีกทั้ง กกต.ก็จะถูกมองว่า กระทำการเกินอำนาจหน้าที่ เมื่อรวมกับเรื่องที่ไปตัดสิทธิ์บางกลุ่ม บางอำเภอ...คราวนี้ล่ะเสี่ยงคุก !!


** “ชัชชาติ” ยินดี“แก้ผ้า”โชว์แข็งแกร่งในปฐพีให้ตรวจสอบ หรือแก้ผ้าเอาหน้ารอด กับดรามาลู่วิ่งแพงเวอร์!

จากดรามาทัวร์ลง กทม. กรณีจัดซื้อ“ลู่วิ่ง”และ เครื่องออกกำลังกายอื่นๆ ภายใน ศูนย์กีฬาวารีภิรมย์ และศูนย์กีฬา วชิรเบญจทัศ รวมกัน 2 ที่เกือบ 10 ล้านบาท และในปี 2567 กทม.จัดซื้อกว่า 9 โครงการ ด้วยงบประมาณกว่า 77.73 ล้านบาท โดยถูกตั้งคำถามว่าแพงเกินไปมั้ย?

งานนี้ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าฯกทม.ถึงกับนั่งไม่ติด ต้องขนทีมบริหารออกมาตั้งแถวเรียงหน้ากระดานแถลงแจงสี่เบี้ย

นอกจาก “ชัชชาติ” แล้วยังมี “จักกพันธุ์ ผิวงาม” รองผู้ว่าฯกทม., “ศานนท์ หวังสร้างบุญ” รองผู้ว่าฯกทม., “สมบูรณ์ หอมนาน” รอง ปลัดกทม. และ “ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค” HAND Social Enterprise ผู้ร่วมพัฒนา actai.co ร่วมชี้แจง

ฟังว่า ผู้ว่าฯกทม. กว่าจะเข้าประเด็นที่คนสงสัยได้โชว์สเต็ป “โวหาร” เหมือนช่วงหาเสียง คิดคำว่า “ทำงาน ทำงาน” มาโฆษณา อธิบายเรื่องหลักการ “บริหาร” อย่างยืดย้วย และรู้ปัญหาดี จึงมีกระบวนการ หรือ “ตาข่าย”ป้องกันการทุจริต

กล่าวไปกล่าวมาเหมือนเลคเชอร์ วิชาบริหารกทม.อย่างไรให้ปลอดทุจริต โดยทีมงานชัชชาติ!!

สาระที่จับใจความได้คือ ผู้ว่าฯ ที่ได้ฉายาบุรุษที่แข็งแกร่งสุดในปฐพี ยินดีเปิดเผยให้ตรวจสอบ “แก้ผ้า” ทั้งหมด

ทำนองว่า ถ้าชาวกทม.ข้องใจ ก็จะให้ตรวจสอบแบบไม่มีอะไรมากั้น

เรียกว่า ท้าทาย จะแก้ผ้ายืนเปลือยกายล่อนจ้อน ให้ดูกันเลย

แต่... “ชัชชาติ” ยอมรับว่า ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน มันมีมานานมากแล้ว เหมือน “ช้างในห้อง” ที่ฝังรากลึก คล้ายๆออกตัวก่อนว่าเป็น “งานยาก” งานใหญ่ ที่จะหาคนทำผิดมาลงโทษ

กรณีนี้ ผู้ว่าฯกทม.บอกว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เข้ามาตรวจสอบ ตั้งแต่ 2 เดือนก่อน กทม.เอาจริงเอาจัง ไม่ยอมรับต่อกับการทำผิด ข้อมูลที่ออกมาประชาชนรับไม่ได้ เพราะ ราคาเกินไป อธิบายไม่ได้ ต้องมีผู้รับผิดชอบ

ส่วนรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้าง ที่สังคมสงสัย ต้องให้ผู้รับผิดชอบมาชี้แจง!

เล่นเอาผู้ฟัง เกาหัวแกรก ๆ ...อุทานเป็นเสียงเดียวกัน “อิหยังหว่า” อุตส่าห์ฟังมาตั้งนาน

ที่ผู้ว่าฯ ขี่ม้าเลียบค่าย พายเรือในอ่าง ใช้เวลาแถลงนานพอสมควร ทั้งหมดเพื่อที่จะสรุปว่า เรื่องนี้ “ต้องให้ผู้รับผิดชอบมาชี้แจง”

พลันที่รู้คำตอบจากปากผู้ว่าฯ แบบนี้ โลกโซเชียลฯ ก็ร้อนฉ่า เห็นได้จาก #ชัชชาติ ติดอันดับฮอตขึ้นมาพลัน

อุเหม่!!..รถทัวร์โซเซียลวิจารณ์กันแซ่ด ผู้ว่าฯกทม.ไม่รู้ แล้วใครจะรู้ ทำไมต้องรอให้ผู้รับผิดชอบมาชี้แจง

เอาดีๆ งานนี้ “ชัชชาติ” พร้อมจะแก้ผ้าโชว์ความแข่งแกร่งในปฐพี ให้ตรวจสอบจริงๆ หรือ แก้ผ้าเอาหน้ารอดกันแน่!?


กำลังโหลดความคิดเห็น