xs
xsm
sm
md
lg

“พนัส” ยื่นศาลปกครองเพิกถอนระเบียบ กกต.วางเงื่อนไขแนะนำตัว ส.ว.แคบ ขัดหลัก ปชต.ด้านไอลอว์หวังเว็บ senate67 คืนชีพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อดีตคณบดีนิตศาสตร์ มธ.พร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ว.ร้องศาลปกครองกลาง เพิกถอนระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัว โวยกำหนดเงื่อนไขแคบเกิน ขัดหลักประชาธิปไตย “ชลณัฏฐ์” ปัดเป็น ส.ว.สีส้ม แต่ย้ำหากอุดมการณ์ตรงกับพรรคการเมืองใดก็ไม่แปลก ด้าน “ยิ่งชีพ” หวังเว็บ senate67 ได้คัมแบ็ก หากศาลสั่งคุ้มครอง

วันนี้ (30 เม.ย.) นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้ประสงค์จะลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พร้อมคณะ เข้ายื่นฟ้อง กกต.ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 และขอไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อให้มีคำสั่งระงับการบังคับใช้ระเบียบฯดังกล่าวไว้ก่อน

นายพนัส กล่าวว่า ระเบียบ กกต.ที่ออกมามีประเด็นที่อยากให้ศาลปกครองวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องการแนะนำตัวผู้สมัคร โดยเฉพาะข้อที่ 7, 8 และข้อ 11 โดยเฉพาะข้อห้ามในเรื่องของการแนะนำตัวผ่านสื่อทุกชนิด รวมไปถึงโซเชียลมีเดียด้วย ซึ่งเราคิดว่า กกต.ไม่มีอำนาจมากำหนดและจำกัดสิทธิในการแนะนำตัวผู้สมัคร ระเบียบ กกต.ที่ออกมาเป็นการจำกัดสิทธิพวกเรามากเกินไป


“เราทราบดีว่าระเบียบนี้ยังไม่ได้บังคับใช้เนื่องจากต้องรอพระราชกฤษฎีกา แล้วต้องรอให้เราเป็นผู้สมัคร วันนี้ยังไม่เป็นผู้สมัครแต่เป็นผู้ที่ประสงค์จะเข้ามาสมัคร จึงมองว่าควรมีสิทธิเสรีภาพในการแนะนำตัวให้เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป เพราะตามรัฐธรรมนูญสว.ต้องเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย ซึ่งในคำร้องได้ขอให้ศาลมีการไปสวนฉุกเฉิน มองว่า ยิ่งศาลไต่สวนเร็วเท่าไหร่ได้ก็ยิ่งดี

“อย่างผมเองผมก็แนะนำตัวเอง อาจเป็นคนแรกๆที่แนะนำตัวผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ผมตั้งใจจะลงสมัคร ส.ว. พอมีระเบียบนี้มันก็เป็นประเด็นขึ้นมาว่าเราจะสามารถทำสิ่งนี้ได้มากน้อยแค่ไหน เราต้องการให้สิ่งนี้ชัดเจนขึ้นมา มองว่า กกต.ไม่น่าจะมีอำนาจ ในการกำหนดเงื่อนไขในการแนะนำตัวได้แคบถึงเป็นระบบปิด อำนาจของ กกต.กับสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ถูกจำกัดในการที่ออกระเบียบนี้มา มีความสมดุลมากน้อยแค่ไหน”

เมื่อถามว่า หากศาลไม่รับคำร้องจะดำเนินการอย่างไร นายพนัส กล่าวว่า ต้องรอดูคำสั่งของศาลว่าเราจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองหมายความว่าเป็นการคุ้มครองผู้ฟ้องนั่นพวกเรา และข้อบังคับในระเบียบของกกต.ก็จะไม่มีผลต่อพวกเรา


นายพนัส ยังเห็นว่า ระเบียบฯดังกล่าว กระทบต่อพวกตนโดยตรง ไม่สามารถใช้เสรีภาพในการแนะนำตัวเองได้เลย ที่สำคัญที่สุด คือ เป็นการปิดปากมัดมือมัดเท้าพวกเรา ขณะเดียวกัน ก็เปิดโอกาสให้ฝ่ายผู้มีอิทธิพลไม่ว่าจะเป็นในระดับอำเภอ จังหวัด หรือประเทศ

ส่วนที่มีการวิเคราะห์กันว่าระเบียบนี้เป็นการสกัด ส.ว.สีส้ม นายพนัส กล่าวว่า เราไม่ได้พิจารณาในประเด็นสีส้มหรือสีอะไร เราแค่อยากจะยึดตามสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ตามระบอบประชาธิปไตย ควรจะเป็นระบบเปิด เพราะเป็นสิทธิของคนไทยทุกคน แต่กลายเป็นว่าการจะมี ส.ว. 200 คน ประชาชนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งมันไม่น่าจะถูกต้องกับหลักของประชาธิปไตย”

ส่วนที่ กกต.ระบุว่า ได้เก็บข้อมูลผู้ประสงค์ที่จะลงสมัครในเว็บไซต์ Senate67 และพร้อมเอาผิด หากพบว่ามีมูล นายพนัส มองว่า นี่เป็นการข่มขู่อย่างชัดเจน โดยเฉพาะ กกต.ไม่ได้บอกว่ามีอำนาจอะไรที่สามารถดำเนินการอย่างนั้น และตนได้ฟังข่าวเมื่อเช้าวันนี้ (30 เม.ย.) ก็เห็นว่า สามารถแนะนำตัวผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวได้ เพียงแต่ว่าห้ามชี้นำ หรือฮั้วกัน หากเป็นจริงตามข่าวก็แสดงว่า กกต.ยอมรับว่า สามารถทำได้ โดยประเด็นน่าเป็นห่วง คือ มาตรา 36 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. มีการกำหนดโทษไว้ว่าถ้ากระทำการผิดเงื่อนไขหรือวิธีการที่ กกต.กำหนดมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี โทษปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ดังนั้น จึงต้องพิจารณาให้ดี ว่าระเบียบที่ กกต.ได้ออกมาเป็นเรื่องที่สำคัญมากหรือไม่ ถึงขนาดว่าถ้าทำผิดเงื่อนไข พวกเราจะต้องติดคุกเป็นปี และถูกตัดสิทธิทางการเมืองหรือ ซึ่งสิ่งที่เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ควรมีโทษมากขนาดนี้ และมองว่าการจะแนะนำตัวได้ต้องมีการออกสื่อดังนั้นหากจะผิดก็ควรจะผิดไปถึงสื่อมวลชน


ด้าน น.ส.ชลณัฏฐ์ โกยกุล ผู้ที่ประสงค์รับเลือกเป็น ส.ว. กล่าวถึงว่าตัวระเบียบและกฎหมายขัดแย้งกัน โดยยกตัวอย่างว่าผู้สมัครไม่สามารถหาเสียงแนะนำตัวกับประชาชนทั่วไป จึงเกิดคำถามว่า ในการดำเนินการจะมีการแยกอย่างไร ว่า ใครเป็นผู้สมัครบ้าง http://xn--www-9kl2c3c0a8ira1lta.senate67.com/ ถูก กกต.สั่งปิด ซึ่ง กกต.ข่มขู่ให้เอาลง ขณะเดียวกัน ก็ยืนยันว่ากลุ่มที่แสดงเจตจำนงในการสมัครนี้ไม่ได้มีสี ไม่ว่าจะส้มหรือสีใดตามที่มีข้อสังเกต และย้ำถึงความเป็นอิสระ แต่หากหลักการอุดมการณ์ในการทำหน้าที่ไปตรงกับกลุ่มพรรคการเมืองใดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

นอกจากนี้ ยังห่วงการทำหน้าที่สื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวด้วยระเบียบที่ซับซ้อนและมีข้อจำกัด โดยเฉพาะมีผู้เตรียมสมัคร ส.ว.ซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าว หรือเป็นผู้ก่อตั้งสำนักข่าว ที่มีข้อห้ามว่าไม่ให้ผู้สมัครให้สัมภาษณ์ออกสื่อ จะทำให้สุ่มเสี่ยงที่จะฝ่าฝืนระเบียบ ถูกตัดสิทธิการสมัคร แต่กฎหมายไม่ได้ระบุฐานความผิดไว้ว่าขัดต่อมาตราใด


ด้าน นายยิ่งชีพ อัชชานนท์ ผู้จัดการไอลอว์ กล่าวว่า ไอลอว์มีความตั้งใจ ทำ senate67.com ช่วย กกต. ประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับกติกาการเลือก ส.ว และข้อมูลผู้สมัคร ส.ว.ว่ามีใครบ้าง เพื่อให้ผู้สมัครมีพื้นที่ในการออกสื่อสาธารณะได้อย่างเท่าเทียม ให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับผู้สมัคร เพื่อจะได้ติดตามข่าว

แต่ระเบียบของ กกต.ที่ออกมา ไม่มีความชัดเจน ว่า สามารถทำอะไรได้หรือทำอะไรไม่ได้ ส่วนตัวเชื่อว่า การทำเว็บไซต์ที่ทำมาก่อนหน้านี้สามารถทำได้ เพราะอะไรที่กฎหมายไม่ได้สั่งห้าม สามารถทำได้ แต่ผู้สมัครหลายคนที่ให้ข้อมูลกับเว็บไซต์ดังกล่าว กังวลว่าจะถูก กกต.ตีความกลายเป็นความผิด ทำให้ไอลอว์ ตัดสินใจนำข้อมูลทั้งหมดออก

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ อีก 1-2 วัน ระบบจะกลับมา หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้มีฟังก์ชันในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ว. พร้อมยืนยันว่าข้อมูลผู้สมัครทั้ง 1,300 กว่าคนยังเก็บอยู่ในชั้นความลับ ไม่มีการจัดตั้ง หรือเข้าถึงข้อมูลได้


กำลังโหลดความคิดเห็น