ศาล รธน.รับวินิจฉัย 4 มาตรา กม.เลือก ส.ว.ที่เกี่ยวกับการไม่ต้องเลือกตัวเองก็ได้ ขัด รธน.หรือไม่ สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงใน 15 วัน แต่ตีตกคำขอกำหนดมาตรการคุ้มครอง เหตุยังไม่ปรากฏจะเกิดความเสียหายร้ายแรง
วันนี้ (5 มิ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคดีที่ ศาลปกครองกลางส่งคำโต้แย้งของ น.ส.วิเตือน งามปลั่ง ในคดีหมายเลขดำที่ 899/2567 และคำโต้แย้งของผู้ฟ้องคดีที่ 5 นำโดย นายฤทธิชัย ศรีเมือง ผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาประจำอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช นายเฉลิมชัย ผู้พัฒน์ ผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาประจำอำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี นายสิทธิชัย ผู้พัฒน์ ผู้สมัคร รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาประจำอำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี นายจำนอง บุญเลิศฟ้า ผู้สมัคร รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาประจำอำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี และ นายสากล พืชนุกูล ผู้สมัครรับเลือก เป็นสมาชิกวุฒิสภาประจำอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ในคดีหมายเลขดำที่ 92/2567 ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มาตรา 212 ว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 36 มาตรา 40 มาตรา 41 และมาตรา 42 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่ โดยศาลฯอภิปรายแล้วเห็นว่า เนื้อหาคำโต้แย้งของผู้ฟ้องคดีทั้งสองคดีเป็นกรณีโต้แย้งว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 36 มาตรา 40 มาตรา 41 และมาตรา 42 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 บทบัญญัติดังกล่าวเป็นบทบัญญัติ ที่ศาลปกครองกลางจะใช้บังคับแก่คดี เมื่อผู้ฟ้องคดีทั้งสองคดีโต้แย้งพร้อมด้วยเหตุผลว่าบทบัญญัติดังกล่าว ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับบทบัญญัตินี้ กรณีเป็นไปตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 212 วรรคหนึ่ง จึงมีโดยมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 (นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม)
มีคำสั่งรับคำร้องทั้งสองไว้พิจารณาวินิจฉัยเฉพาะประเด็นว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 36 มาตรา 40 วรรคหนึ่ง (3) มาตรา 41 วรรคหนึ่ง (3) และมาตรา 42 วรรคหนึ่ง (3) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107หรือไม่ โดยรวมการพิจารณาทั้งสองเรื่องเข้าด้วยกัน และเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำความเห็นเป็นหนังสือตามประเด็นที่ศาลกำหนดและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
ส่วนที่ผู้ฟ้องคดียื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งมาตรการหรือวิธีการใดๆ เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ายังไม่ปรากฏว่าจะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง อีกทั้งหาก กกต.เห็นว่า จะเกิดความเสียหายดังกล่าว ย่อมมีหน้าที่และอำนาจที่จะดำเนินการได้ตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มา ซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่กำหนดมาตรการหรือวิธีการใดๆ เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 4 มาตราที่มีการร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มาตรา 36 เป็นบทบัญญัติที่กำหนดให้ผู้สมัครแนะนำตัวได้ตามวิธีการและเงื่อนไขที่ กกต.กำหนด หรือบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่ผู้สมัคร จะช่วยเหลือผู้สมัครในการแนะนำตัวต้องปฏิบัติตามวิธีการและเงื่อนไขที่กำหนด
ส่วนมาตรา 40 วรรคหนึ่ง (3) มาตรา 41 วรรคหนึ่ง (3) และมาตรา 42 วรรคหนึ่ง (3) เกี่ยวข้องกับวิธีการเลือกระดับอำเภอ ระดับจังหวัดและระดับประเทศ ที่กำหนดให้ผู้สมัครแต่ละกลุ่ม, ผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอ, ผู้ได้รับเลือกระดับจังหวัด ลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกันได้ไม่เกิน 2 คน และไม่เกิน 10 คน โดยจะลงคะแนนเลือกตนเองก็ได้แต่จะลงคะแนนให้บุคคลใดเกิน 1 คะแนน มิได้ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่