ศาล รธน.แจ้งศาลปกครอง ส่งหลักฐานสำนวนคดี “บิ๊กอ่วม” ใน 15 วัน กรณีขอให้วินิจฉัยถูกถอดถอนขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช.ชี้มูลร่ำรวยผิดปกติจนถูกยึดทรัพย์
วันนี้ (27 ธ.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายในคดีที่ศาลปกครองกลางส่งคำโต้แย้งของ นางจิตติมา รัตนพันธ์ ผู้ฟ้องคดี ในคดีหมายเลขดำที่ บ. 10/2564 เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ว่า พ.ร.บ.มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2551 มาตรา 40 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 วรรคสอง หรือไม่ โดยศาลมีคำสั่งให้นำพยานเอกสารในสำนวนการไต่สวนคดีคำวินิจฉัยที่ 8/2566 มารวมไว้ในสำนวนคดีนี้เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาโดยการอภิปรายในคดีที่ศาลปกครองกลางส่งคำโต้แย้งของ พลตำรวจโท สมหมาย นิตยบวรกุล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ผู้ฟ้องคดีในคดีหมายเลขดำที่ บ.127/2566 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 วรรคสาม ที่บัญญัติว่า “ในกรณีตามวรรคหนึ่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. แจ้งคำวินิจฉัยพร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุปไปยังผู้บังคับบัญชา หรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนของผู้กล่าวหาภายในสามสิบวันนับแต่วันที่วินิจฉัยเพื่อสั่งลงโทษไล่ออกภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง โดยให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่” ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 29 หรือไม่ โดยศาลมีคำสั่งให้นำพยานเอกสารในสำนวนการไต่สวนคดีคำวินิจฉัยที่ 10/2566 มารวมไว้ในสำนวนคดีนี้เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลต่อไป และเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน15วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
ทั้งนี้ พล.ต.ท.สมชาย หรือ “บิ๊กอ่วม” ต้องคำพิพากษา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 สั่งยึดทรัพย์กว่า 136 ล้านให้ตกเป็นของแผ่นดิน หลัง ป.ป.ช.มีมติชี้มูลว่าร่ำรวยผิดปกติสมัยยังรับราชการเป็นรอง ผบช.ภาค 8