พ่อแม่เด็กพร้อมเด็กเชื่อมจิตหอบเอกสารยื่นร้อง พม.อ้างถูกใส่ร้าย ได้รับความเสียหาย ขอให้มีคำสั่งคุ้มครองเด็ก 8 ขวบ แต่ถูกอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนสั่งยุติการนำลูกไปแสวงหากำไร ให้คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพเด็กเป็นหลัก ทั้งครอบครัวและทนายรีบขึ้นรถตู้บึ่งออกจาก พม.ทันที
วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เด็กชายวัย 8 ขวบที่อ้างว่าตัวเองสอนธรรมะด้วยวิธีการเชื่อมจิตได้ พร้อมพ่อ-แม่และทนายความ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขอให้ พม.มีคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กชายวัย 8 ขวบคนดังกล่าวจากการถูกใส่ร้าย
ต่อมาเวลา 09.40 น. ครอบครัวของเด็กพร้อมด้วยนายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความ ได้นำเอกสาร 1 ชุด เข้าพบเจ้าหน้าที่ พม.โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงเดินทางกลับ โดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด
ต่อมา นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน พม. เปิดเผยภายหลังร่วมพูดคุยกับพ่อแม่และเด็กรวมทั้งทนายความว่า วันนี้พ่อและแม่ของเด็กได้นำหนังสือมายื่นต่อเจ้าหน้าที่เพื่อให้ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ พม.จ.สุราษฎร์ธานี สืบเนื่องจากที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปที่บ้านของเด็ก 8 ขวบ และเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง ส่วนรายละเอียดอยู่ในเอกสาร จากการพูดคุยกับพ่อแม่เด็ก ได้มีคำสั่งให้พ่อแม่ยุติการนำลูกไปแสวงหากำไร ให้คำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของเด็กเป็นหลัก ซึ่งทางพ่อแม่รับปากว่าจะดูแลเด็กเป็นอย่างดี
นางอภิญญากล่าวว่า จากการพูดคุยกับพ่อแม่และเด็ก 8 ขวบดูปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร บรรยากาศเป็นไปด้วยความผ่อนคลาย หลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
ส่วนกรณีที่พ่อแม่เด็กยื่นขอให้ไต่สวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ พม.จ.สุราษฎร์ธานี เป็นกรณีฉุกเฉินนั้น ปรากฏว่าศาลได้ตอบกลับมาว่าจะไต่สวนเป็นกรณีปกติ ขณะนี้ทาง พม.อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารเพื่อไปยื่นต่อศาลในวันไต่สวนวันที่ 17 มิ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นางอภิญญาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนอยู่นั้น พ่อแม่พร้อมเด็ก 8 ขวบและทนายความได้ขึ้นรถตู้ออกไปจาก พม.ทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยบอกกับผู้สื่อข่าวว่าจะออกมาแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อน โดยอ้างว่าเด็ก 8 ขวบและครอบครัวถูกใส่ร้ายจากสื่อและกลุ่มผู้ไม่หวังดี ใส่ร้ายว่าเป็นลัทธิทำให้ได้รับความเสียหาย อับอาย ลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ ทนายธรรมราช The Lawyer of legality มีการโพสต์ข้อความว่า “กำลังเดินทางไปกองปราบปราม เพื่อ มอบหลักฐานข้อเท็จจริงให้กับ บก.ปอท.”