xs
xsm
sm
md
lg

อนุ กมธ.นิรโทษฯ เผยคืบ 90% คดี "แม้ว" ไม่กระทบ ชี้คลอด กม.ไม่สำเร็จนำข้อมูลพิจารณาครั้งหน้าได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ยุทธพร" เผย ’อนุ กมธ. นิรโทษกรรม’ คืบหน้ากว่า 90% ยัน คดี "ทักษิณ" ไม่กระทบต่อการทำงาน ชี้หากคลอด กม.ไม่สำเร็จ สามารถนำข้อมูลกลับมาพิจารณาในครั้งหน้าได้



วันนี้ (5มิ.ย.) นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาและจำแนกการกระทำเพื่อประกอบการพิจารณาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม กล่าวถึงความคืบหน้าในการทำงานของคณะอนุฯ ว่า ขณะนี้ก้าวหน้าไปกว่า 90 เปอร์เซนต์แล้ว จาก 7 ข้อเสนอที่เราได้เสนอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนอีก 10 เปอร์เซนต์ จะมีการปรับแก้ตามมติของ กมธ.ชุดใหญ่ ที่มีข้อเสนอแนะ และข้อแนะนำมา

โดยการประชุมคณะอนุฯ ในวันนี้ จะมีการพิจารณาการปรับแก้ นิยาม ‘แรงจูงใจทางการเมือง’ เพื่อให้ตรงกันกับความเห็นของคณะอนุทั้งสองคณะ และ กมธ.ชุดใหญ่ ในเรื่ององค์ประกอบของคณะกรรมการนิรโทษกรรมที่เราได้เสนอตัวแบบไป โดยจะการลดจำนวนให้น้อยลง เพื่อให้มีความกระชับมากขึ้น และเพิ่มเติมตัวแทนฝ่ายบริหารเข้ามา รวมถึงเพิ่มเติมมาตรฐานการป้องกันการกระทำผิดซ้ำ และแนวทางการสร้างความปรองดอง ที่เป็นหัวใจหลักของการนิรโทษกรรม เพราะเจตจำนงคือ การสร้างสังคมแห่งความปรองดอง

ทั้งนี้ หากการปรับแก้ของคณะอนุฯ เรียบร้อย ในวันที่ 6 มิ.ย. จะมีการนำเสนอทั้งหมดต่อ กมธ.ชุดใหญ่ ได้พิจารณา และหาก กมธ.ชุดใหญ่ ไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมอีก ก็จะถือว่าสิ้นสุดการทำงานของคณะอนุฯ และจะนำไปสู่การทำรายงานเพื่อเสนอต่อสภาฯ ต่อไป

ส่วนการพูดคุยเรื่องความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้น นายยุทธพร กล่าวว่า มีหลากหลายประเด็น มาตรา 112 เป็นหนึ่งในนั้น แน่นอนว่าท่ามกลางสังคมที่มีการแบ่งขั้ว และยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่การวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ต้องดูข้อเท็จจริงด้วย เพราะก่อนหน้านี้มีกระบวนการไปบิดเบือนข้อมูล ว่า มีการถอน มาตรา 112 ออก ในความเป็นจริงเราไม่เคยถอดฐานความผิดใดเลย เนื่องจากกระบวนการเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาทั้งสิ้น

“แต่เมื่อเราไม่ถอด มาตรา 112 ก็ทำให้เกิดคำถามใหม่อีกว่า ที่ไม่ถอด เพราะต้องการช่วยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ความเป็นการเมืองมีผลสูงมาก ยืนยันว่า เราไม่มีความคิดช่วยเหลือบุคคลใดเป็นพิเศษ และไม่มีการพูดคุยถึงกรณีนายทักษิณเลย ทั้งที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ” นายยุทธพรกล่าว

ส่วน คดีมาตรา 112 ของนายทักษิณ จะกลายเป็นปัญหาในการออกกฏหมายนิรโทษกรรมหรือไม่นั้น ไม่มีผลอะไรมากมาย เพราะในการทำงานเราก็ยึดหลักการ กมธ.ก็ถูกตั้งขึ้นมาก่อนที่จะมีคดีของนายทักษิณแล้ว เพราะฉะนั้น กรอบการทำงานทุกอย่างถูกออกแบบและพูดถึงกันไว้แล้ว ซึ่งสิ่งที่จะใช้ในการจำแนกความผิด คือ 1.สถิติ 2. 25 ฐานความผิด 3.บริบทความขัดแย้ง 4.พฤติกรรม และนิยามแรงจูงใจทางการเมือง และ 5.จะหยิบคดีสำคัญสำคัญในแต่ละช่วงเวลา เพื่อที่จะแบ่งเป็น 3 ประเภท 1.คดีหลัก 2.คดีรอง 3.คดีที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง

“การนิรโทษกรรมในครั้งนี้ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการนิรโทษกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองประเทศไทย เพราะกินระยะเวลายาวนานถึง 20 ปี นับตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน ซึ่งแต่ละช่วงเวลา มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ก็เป็นเอกสิทธิ์ของ กมธ.ชุดใหญ่ว่า จะดำเนินการตามนี้หรือไม่” นายยุทธพรกล่าว

นายยุทธพรกล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า ผลสัมฤทธิ์คือเรื่องการมีข้อเสนอที่จะนำไปสู่การพิจารณาในการตรากฏหมายนิรโทษกรรม ไม่ว่าเราจะได้กฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ แต่สิ่งที่เราทำได้คือข้อเสนอที่ ณ วันนี้ เราได้รวบรวมจากความขัดแย้งทางการเมืองตลอด 20 ปีที่ผ่านมา หากการออกกฏหมายในนิรโทษกรรมครั้งนี้ไม่สำเร็จ ก็สามารถนำข้อมูลตรงนี้กลับมาพิจารณาอีกครั้ง


กำลังโหลดความคิดเห็น