กมธ.นิรโทษกรรม พิจารณายาว 3 ชม. ไร้ข้อสรุป ชง อนุ กมธ.พิจารณาอีกรอบ ระบุยังไปไม่ถึงประเด็นล้างผิดมาตรา 112 สัปดาห์หน้าถกนิยามของคำว่า “แรงจูงใจทางการเมือง”
วันนี้ (30 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภา ที่มี นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ซึ่งนัดพิจารณาแนวทางการตราพระราชบัญญัตติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรรม โดยกำหนดให้ลงมติในประเด็นคณะกรรมการกลั่นกรองคดีที่ได้นิรโทษกรรมและนิยามของคำว่าแรงจูงใจทางการเมือง
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ใช้เวลาพิจารณา ร่วม 3 ชั่วโมง แต่ไม่มีข้อสุปในประเด็นที่กำหนดไว้ในวาระการประชุม โดย นายนิกร จำนง เลขานุการ กมธ. กล่าวว่า กมธ.ยังไม่มีข้อสรุปใด และให้ อนุกรรมการ นำความเห็น กมธ.ที่หารือไปปรับปรุงก่อนนำเสนอมายังกมธ.ในวันที่ 6 มิ.ย. อีกครั้ง เบื้องต้นคาดว่า จะมีข้อยุติ อย่างไรก็ดี การหารือของ กมธ. ยังไปไม่ถึงประเด็นของการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112
นายนิกร กล่าวด้วยว่า สำหรับวาระพิจารณา กมธ.สัปดาห์หน้า จะมีเรื่องที่ต้องพิจารณา คือ นิยามของคำว่า “แรงจูงใจทางการเมือง” การนิรโทษกรรมโดยใช้รูปแบบคณะกรรมการ มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ คดีฐานความผิด หรือ การกระทำที่จะได้รับการนิรโทษกรรม กระบวนการสร้างความสมานฉันท์ อาทิ การล้างมลทิน การคืนสิทธิ และการยอมรับผิดและการให้อภัย
ทางด้าน นายยุทธพร อิสรชัย ประธานอนุ กมธ.ศึกษาและจำแนกการกระทำเพื่อประกอบการพิจารณาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เปิดเผยว่า การประชุมได้พิจารณารายงานของอนุฯ และยังมีความเห็นให้ไปปรับปรุง ในส่วนของกรรมการกลั่นกรองคดี ในองค์ประกอบ เพราะอนุ กมธ.เสนอให้มีกรรมการที่ประกอบด้วยบุคคลที่มีตำแหน่งในสภา เช่น ประธานสภา เป็นประธาน, ประธานวุฒิสภา เป็นรองประธาน แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรเพิ่มสัดส่วนของฝ่ายบริหารด้วย เพราะอาจเกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณ ทั้งนี้ เดิมอนุ กมธ.เสนอให้มีนายกฯ ด้วย แต่ได้ปรับแก้ไขไป รวมถึงกรรมการส่วนของศาลยุติธรรม ที่ถูกทักท้วงว่าไม่ควรมีเพราะอาจเกิดความขัดแย้งได้
นายยุทธพร กล่าวด้วยว่า สำหรับคำนิยามนั้นยังมีประเด็นให้ปรับปรุงเล็กน้อย โดยได้วางกรอบของหลักการ คือ เป็นการกระทำที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง โดยรายละเอียด อนุ กมธ.จะหารือกันในวันที่ 5 มิ.ย. ก่อนจะเสนอให้ กมธ.ชุดใหญ่พิจารณาวันที่ 6 มิ.ย.