เมืองไทย 360 องศา
เป็นเรื่องให้ชวนติดตามเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่ นายทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นจำเลยในคดีกระทำความผิดเกี่ยวกับ มาตรา 112 และต่อเนื่องด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เพราะส่งผลกระทบทางการเมืองตามมามากมาย โดยเฉพาะกระทบกับพรรคเพื่อไทย และกระทบรัฐบาล ทั้งในปัจจุบันต่อเนื่องไปถึงอนาคตอันใกล้
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากการเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวที่มีอัตราโทษสูง ทำให้ถูกจับตามากเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเชื่อมโยงไปถึงเงื่อนไขบางอย่างที่เขากำลังอยู่ในช่วงการ “พักโทษ” ในอีกคดีหนึ่งเวลานี้ ว่า “ต้องไม่มีความผิดคดีอาญาซ้ำ” ซึ่งหากผิดเงื่อนไขข้อนี้ ก็อาจต้องส่งตัวกลับเรือนจำ หรือเปล่า
สำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร พิจารณาจากคำแถลงของโฆษกอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ระบุว่า เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 สํานักงานอัยการสูงสุดได้รับสํานวนคดีการกระทําความผิดนอกราชอาณาจักรจากพนักงานสอบสวน กองกํากับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผู้กล่าวหา พันตํารวจโท หรือ นายทักษิณ ชินวัตร ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และประเทศไทย เกี่ยวพันกัน
เนื่องจากคดีนี้ เป็นคดีความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทย ได้กระทําลงนอกราชอาณาจักรไทย จึงเป็นคดีที่อยู่ในอํานาจของอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบดําเนินคดี โดยในขั้นแรก พันตํารวจโท หรือนายทักษิณ ชินวัตร หลบหนี ยังไม่ได้ตัวมาทำการสอบสวน ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด ในขณะนั้น พิจารณาแล้วได้มีคําสั่ง เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 เห็นควรสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ตามข้อกล่าวหา
ต่อมาพันตํารวจโท หรือนายทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร และถูกควบคุมตัวไว้ในคดีอื่น และในวันที่ 17 มกราคม 2567 อธิบดีอัยการ สํานักงานการสอบสวน และคณะ ร่วมกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกับพฤติการณ์และข้อเท็จจริงทางคดีนี้ให้กับพันตํารวจโท หรือนายทักษิณ ชินวัตร ทราบแล้ว ปรากฏว่าผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พร้อมกับยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด
ต่อมา นายอํานาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด ได้มีคําสั่งสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นที่ผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรม และพนักงานสอบสวนได้ดําเนินการสอบสวนเพิ่มเติมครบถ้วนแล้ว พร้อมได้ส่งบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนเพิ่มเติมให้กับอัยการสูงสุดพิจารณา จนในที่สุดก็มีการสั่งฟ้อง และให้นำตัวฟ้องศาลในวันที่ 18 มิถุนายน
อย่างไรก็ดี หากย้อนกลับไปพิจารณาคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว เมื่อปี 2558 แบบคำต่อคำแล้วถือว่า “หมิ่นเหม่” มาก และหากเป็นจริง ก็ถือว่า “น่าหวาดเสียว” เสี่ยงคุกสูงมาก แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล ซึ่งคงใช้เวลาอีกสักพัก
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากความเห็นของบรรดานักกฎหมายบางคน ก็เห็นสอดคล้องกันว่างานนี้ค่อนข้าง “หนัก” เอาการ และเชื่อว่าประเด็นที่ฝ่ายจำเลยจะยกขึ้นมาต่อสู้คดีก็คือ “คลิปตัดต่อ” หรือ การถอดความ หรือแปลข้อความผิดเพี้ยน อะไรประมาณนี้
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ชะตากรรม คุณทักษิณ ชินวัตร” ระบุว่า ผมฟังคำสัมภาษณ์ของทนายความคุณทักษิณ ชินวัตรแล้ว ก็รู้ว่าคุณทักษิณจะสู้คดีอย่างไร ประเด็นหลัก คือ คลิปนั้นปลอมหรือมีการตัดต่อหรือไม่
ถ้าเป็นคลิปจริง หรือมีน้ำหนักฟังได้ว่าจริง ซึ่งเรื่องแบบนี้ พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ไม่ยาก คุณทักษิณ น่าจะจบแน่!!
สิ่งที่ผมกังวล คือ
1.ท่านอัยการสูงสุด ต้องคัดอัยการฝีมือดี ใจนิ่ง ๆ 100 % มาทำคดีนี้
2.ศาลยุติธรรม คงมีวิธีการตั้งองค์คณะผู้พิพากษาที่มีประสบการณ์อย่างดีมาทำคดีนี้อยู่แล้ว
3.ประชาชนอย่างเรา ก็มีหน้าที่ตรวจสอบแนวคำพิพากษา ว่า ข้อเท็จจริงอย่างนี้ ที่ผ่านมาศาลพิพากษาอย่างไร ยิ่งวุฒิภาวะของคนระดับอดีตนายกรัฐมนตรีพูด ยิ่งมีวุฒิภาวะ ความรับผิดชอบมากกว่าเด็กๆพูด
4. ตั้งแต่วันนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องสำรวจ “เส้นทางธรรมชาติ” ว่าตรงไหน รั้วขาด คนลอดได้ สุนัขลอดได้ ก็ทำเสียให้แน่นหนา โดยเฉพาะชายแดนไทย-กัมพูชา ระวังให้ดี
ถ้าไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้ พูดได้คำเดียวว่า มันจบแล้วครับนาย!!!
แต่ไม่ว่าจะมีความเห็นอย่าง ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับหลักฐาน และการพิสูจน์ข้อเท็จจริง และศาลจะเป็นผู้ชี้ขาดในที่สุด
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งที่ต้องนำมาพิจารณาพร้อมกัน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกัน จากการที่ นายทักษิณ ชินวัตร ถูกฟ้องเป็นจำเลยในความผิด มาตรา 112 ซึ่งถือว่าสำคัญ มีอัตราโทษสูง และบังเอิญว่าในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันสภากำลังจะมีการพิจารณาเรื่องร่างพระราชบัญญัตินิโทษกรรม ที่ก่อนหน้านั้นไม่นานทางฝั่งพรรคเพื่อไทยได้แสดงท่าที “ไม่ขัดขวาง” หากมีการเสนอนิรโทษกรรมให้ครอบคลุมผู้กระทำความผิด มาตรา 112 ทุกอย่างเหมือนกับได้จังหวะเหมาะพอดี
ทำให้มีความคาดหมายว่า พรรคเพื่อไทย น่าจะ “ไฟเขียว” โดยก่อนหน้าที่มีบางพรรคการเมือง เช่น พรรคก้าวไกลเป็นต้น ที่พยายามผลักดันให้ครอบคลุมถึงความผิดดังกล่าว เนื่องจากมีการตั้งข้อสังเกตว่ามี ส.ส.และแกนนำพรรคหลายคนถูกดำเนินคดีความผิดตาม มาตรา 112 แต่ก็มีเสียงคัดค้านจากหลายพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล และฝ่ายค้านบางพรรค
เมื่อพิจารณาจากท่าทีล่าสุด หลังจากที่ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งถือว่าเป็นทุกอย่างของพรรคเพื่อไทย เมื่อถูกดำเนินคดี มาตรา 112 ทำให้มีการโยงไปว่าน่าจะไฟเขียวให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยครอบคลุมไปถึงความผิด มาตรา 112 หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง แต่เมื่อฟังท่าทีของ ส.ส.ฝั่งเพื่อไทย ที่เป็นคณะกรรมาธิการฯพิจารณากฎหมายดังกล่าวทุกอย่างก็เริ่มชัดเจนขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องดูว่าปฏิกิริยาจากสังคมจะเห็นอย่างไรด้วย !!