เลขาฯ กกต.เชื่อยอดสมัคร ส.ว.ถึงแสน คุยนับคะแนน ผู้สมัคร-ปชช.ตรวจสอบได้ ชี้ คนขึ้นบัญชีสำรอง ส.ว.ชุดที่แล้วลงสมัครได้
วันนี้ (17 พ.ค.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดการคัดเลือก ส.ว. ว่า ถึงขณะนี้ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนงาน ไม่มีอะไรน่าหนักใจ เพราะได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร อย่างดี ซึ่งแต่ละองค์กรมีศักยภาพอย่างดีในพื้นที่ โดยในระดับอำเภอกับจังหวัด เท่าที่ ทราบได้มีการประสานงาน และให้ความร่วมมือกับสำนักงาน กกต. ประจำจังหวัด มาโดยตลอด ส่วนยอดผู้รับเอกสารการรับสมัครในขณะนี้แม้จะถึงกว่า 2 หมื่นคนแล้ว แต่กกต.ก็ไม่ได้วางเป้าว่าจะมีผู้สมัคร อีกมากแค่ไหน เพียงแต่คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนมาก และ ขณะนี้ยังมีเวลา ในการสมัครผู้สมัครจะได้รับหมายเลขเรียงตามลำดับ ดังนั้น สมัครวันไหน ได้ลำดับที่เท่าไหร่ ระบบก็จะรันข้อมูลไปตามตัวอักษร จึงอาจจะมีไปรับใบสมัครในช่วงวันท้ายของการรับสมัครซึ่งการรับสมัครจะมีไปจนถึงวันที่ 24 พ.ค. เมื่อถามว่า ยังคิดว่าจะมีผู้สมัครถึงแสนคนตามที่คาดหวังหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ยังคิดว่าเป็นแบบนั้น
“ไม่ใช่ว่าใครจะสมัครก็ได้ แต่เป็นเรื่องของผู้ที่มีคุณสมบัติ และมีความตั้งใจ เชื่อว่า มีคนกลุ่มหนึ่งตั้งใจที่จะมาเป็น ส.ว.ที่มีการรณรงค์กัน คิดว่าทำให้คนเข้าใจเรื่องกติการ่วมกันมากกว่า คนสมัครอาจจะตัดสินใจตั้งนานแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เข้ามารับเอกสารรับสมัคร”
นายแสวง ยังกล่าวถึงขั้นตอนการนับคะแนนเลือก ส.ว.ว่า กรณีสถานที่เลือกอยู่ในอาคารทางสำนักงานจะมีการถ่ายทอดภาพกล้องวงจรปิด ซึ่งสื่อสามารถติดตามและถ่ายทอดให้ประชาชนได้รับทราบ แต่ถ้าสถานที่เลือกบางแห่งอยู่ในพื้นที่โล่ง ประชาชนก็สามารถไปสังเกตการณ์ได้ ส่วนผู้สมัครด้วยกันเองก็จะเห็นการนับคะแนนอย่างใกล้ชิด ถ้าหากเห็นว่าการนับคะแนนไม่ถูกต้อง สามารถที่จะประท้วงได้ โดยกรรมการเลือกจะเป็นผู้วินิจฉัย แต่ถ้าไม่พอใจก็ต้องมายื่นร้องต่อ กกต. แต่ถ้าไม่ประท้วงในขณะนั้น ก็ไม่สามารถที่จะเข้ามายื่นร้องในภายหลังได้ เพราะถือว่านั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ที่มีรายชื่อในบัญชีสำรอง ส.ว.ชุดที่แล้วจะสามารถลงสมัครคัดเลือก ส.ว.ครั้งนี้ได้หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ว. กำหนดไว้ว่าต้องไม่เคยดำรงตำแหน่งเป็น ส.ว.ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ในกรณีนี้เมื่อยังไม่ได้เป็นก็ถือว่าสมัครได้
นายแสวง ยังกล่าวถึงมาตรการการป้องกันผู้สมัคร ส.ว.ฮั้วคะแนนหรือขอคะแนนกันว่า เรื่องนี้เป็นมาตรการ ถ้าเขาสมัครเพื่อมาเป็น ส.ว.กฎหมายก็ให้สมัคร แต่ถ้าสมัครเข้ามาเลือก หรือคนนั้นไม่มีคะแนนเลย นั่นก็ผิดสังเกตแล้ว แต่เวลากฎหมายเขียนก็บอกว่าอาจมีการลงคะแนนให้ตัวเองด้วยก็ได้ ดังนั้น คำว่า “อาจ” จึงลงหรือจะไม่ลงคะแนนให้ตัวเองก็ได้ แต่พฤติการณ์แบบนี้เราต้องมาสืบด้วยอีกครั้ง แต่โดยกระบวนการเราควรจะทราบก่อนแล้วว่ากลุ่มนี้มีความเคลื่อนไหวอย่างไร อย่างที่บอกว่าการพิจารณาเรื่องสำนวนทุจริตต้องใช้เวลาที่ต่างจากการพิจารณาการลงคะแนนและการนับคะแนน
เมื่อถามว่า ตอนนี้การข่าวของ กกต.พบว่า มีการฮั้วหรือขอคะแนนกันหรือยัง นายแสวง กล่าวว่า เรามีศูนย์ข่าวอยู่ทุกจังหวัด มีการเคลื่อนไหวก่อนที่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือก ส.ว. ทั้งให้ความรู้ว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ แต่เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาแล้วยังทำเกินที่เราให้ความรู้ไปนั่นก็จะผิด ซึ่งการสอบสวนเมื่อมีความปรากฏว่ามีการฮั้ว ก็ไม่ต้องรอคนมาร้องเรียน
นายแสวง ยังกล่าวถึงผลตอบรับของประชาชนต่อกรณี กกต.แก้ไขระเบียบการแนะนำตัวผู้สมัครทางอิเล็กทรอนิกส์ ว่า ประชาชนเขารู้สึกได้ ทั้งๆ ที่เราทำตามกฎหมาย แต่นั่นเป็นเพียงอารมณ์ของสังคม เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ กกต.คนเดียว เพราะจะสะท้อนไปถึงคนร่างกฎหมายว่าคุณร่างกฎหมายให้ประชาชนไม่เข้าใจ แต่ กกต.มีหน้าที่ทำตามกฎหมาย ที่ทำเพิ่มขึ้นมาก็เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงและเข้ามามีส่วนร่วม อย่างน้อยๆ ประชาชนก็รับฟัง ส่วนประชาชนจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่
ส่วนที่นักวิชาการอยากให้ผ่อนคลายระเบียบ โดย กกต.จัดเวทีให้ผู้สมัครมาแสดงวิสัยทัศน์ระเบียบอยู่บนพื้นฐานของการออกแบบตามรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้ได้ ส.ว.เป็นคนแบบไหน จะเดินมาสมัครคนเดียวก็ได้ ไม่ใช่เกาะกลุ่มกันมาสมัคร และเพื่อความเสมอภาค เพราะเขาไม่ได้เลือกจากสิ่งที่คุณแสดงความเห็นแต่เลือกจากประสบการณ์ กระดาษที่แนะนำตัวของคุณ ระเบียบจึงได้ออกมาให้แนะนำตัวแบบนี้เพื่อให้เกิดความเสมอภาค ทุกกติกาการแข่งขัน คุณต้องทำตามกติกา
“เมื่อคุณเป็นผู้สมัคร เขาให้แข่งขันเพื่อความเป็นธรรมก็ต้องทำแบบนี้ เราออกกติกาเพื่อคนแข่งขันอย่างเป็นธรรม ไม่ได้ออกให้กับคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด คนที่เป็นผู้สมัครต้องอยู่ในเกณฑ์นี้ ถ้าเราออกผิดจากนี้ไม่รู้ว่าการเลือกจะเป็นยังไง หรือเราจะถูกติดคุกติดตะราง อย่ามองมุมเดียวมันมีหลายมิติ เพราะในการแข่งขันมันมีแต่คนได้คนเสีย ไม่มีความถูกต้องดังนั้นเราจึงต้องยืนบนความถูกต้อง” นายแสวง กล่าว