xs
xsm
sm
md
lg

บทสรุป "บอลนี่-ดารุมะซูชิ" บริหารผิดพลาด ยกฟ้องตำนานดรามาขายคูปอง-ฟอกเงิน ** “ก้าวไกล”ได้โอกาสเสี้ยม บอกหลัง "ทักษิณ" พักโทษ ประเทศไทยมีนายกฯ 2 คน ดักคอถ้าออกรพ.ทันที ถือว่าป่วยทิพย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** บทสรุป "บอลนี่-ดารุมะซูชิ" บริหารผิดพลาด ยกฟ้องตำนานดรามาขายคูปอง-ฟอกเงิน

บรรยากาศในห้องพิจารณาคดี หลังศาลพิพากษายกฟ้อง “บอลนี่” เมธา ชลิงสุข อดีตเจ้าของ “ดารุมะซูชิ” ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง ถึงกับร้องไห้โผกอดมารดาบุญธรรมด้วยความดีใจ จากที่ถูกจองจำมา 1 ปี 8 เดือน ในคดีที่ถูกฟ้องร่วมกันฉ้อโกงประชาชน -ฟอกเงิน

งานนี้ก็ต้องย้อนไปช่วงกลางปี 2564-กลางปี 2565 “บอลนี่” และ “ดารุมะซูชิ” เกิดเป็นประเด็นดรามาขึ้นว่า หลอกลวงด้วยโปรโมชั่นขายอาหารบุฟเฟต์ญี่ปุ่น รวมทั้งจำหน่ายคูปองใบละ 199 บาท, 250 บาท, 299 บาท และ 399 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน “ Daruma sushi” โดยโอนเงินผ่านบัญชีบริษัท แต่ไม่ได้จะทำร้านอาหารญี่ปุ่นจริง จนมีผู้เสียหาย 988 รายหลงเชื่อ ซื้อคูปอง ขณะที่ขายแฟรนไชส์ให้ผู้สนใจร่วมลงทุนราคาตั้งแต่ 2 ล้านบาท ถึง 2.5 ล้านบาท ต่อสาขา มีผู้เสียหาย 11ราย

คำฟ้องยังระบุอีกว่า “บอลนี่” ร่วมกันฟอกเงิน โดยรับโอนเงินที่ได้จากการกระทำผิด 150.7 ล้านบาทเศษ เข้าบัญชีธนาคารตนเองเพื่อปกปิด หรืออำพราง

ศาลได้พิเคราะห์ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า บริษัทดารูมะ และบอลนี่ ร่วมกันเปิดร้านอาหาร ขายคูปองอาหารตามโปรโมชัน ตามเพจเฟชบุ๊ก และแอปพลิเคชันดารุมะซูชิ ร่วมทั้งเปิดขายแฟรนไชส์ ให้ผู้สนใจร่วมลงทุนดังกล่าว โดยที่ บอลนี่ เป็นผู้บริหาร แล้วจะแบ่งผลกำไรให้ตามที่ตกลงไว้

ขณะเป็นประเด็นปัญหา “ดารุมะซูซิ” มี 27 สาขา ต่อมาวันที่ 16 มิ.ย.65 ทางร้านได้ประกาศปิดปรับปรุงกิจการชั่วคราว เนื่องจากขาดสภาพคล่อง ทำให้ผู้ที่ซื้อคูปองไม่สามารถมาใช้บริการที่ร้านอาหาร ได้รับความเสียหายจำนานมาก จนเกิดเป็นดรามาใหญ่โต

“บอลนี่” เมธา ชลิงสุข
ประเด็นต้องวินิจฉัย ประการแรกว่ามีเจตนาทุจริตฉ้อโกงผู้เสียหายหรือไม่ ศาลเห็นว่า “บอลนี่” ได้เปิดร้านอาหารมาตั้งแต่ พ.ศ.2559 และ มีผู้บริโภคสนใจจำนวนมาก ทำให้สามารถขยายกิจการได้อีกหลายสาขา และ มีการขายคูปองทำโปรโมชัน ผู้ที่ใช้บริการก็ยังนำคูปองมาใช้บริการได้ตามปกติ จนกระทั่งเกิดการบริหารงาน และการคาดการณ์ที่ผิดพลาดของบอลนี่ประกอบกับเกิดเหตุสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาปลาแซลมอน ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักราคาสูงขึ้น จนทำให้ขาดสภาพคล่อง ไม่สามารถชำระค่าปลาแซลมอน เลยบริหารกิจการต่อไปไม่ได้ จึงไม่ได้มีเจตนาทุจริตชัดเจน

แม้การตั้งราคาโปรโมชัน 199 บาท จะต่ำกว่าราคาทุนของราคาปลาแซลมอน ที่ขายกิโลกรัมละ 300 บาท แต่เห็นว่าเป็นการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อแข่งขันทางตลาด ดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการจำนวนมาก

อีกทั้งการขายแฟรนไชส์ให้คนที่ร่วมลงทุน เป็นการตกลงทำสัญญาแบ่งผลกำไรให้ตามสัดส่วน ไม่ได้บังคับซื้อขายร้านแฟรนไชน์ เป็นความพอใจระหว่างกัน ตามข้อเท็จจริงจึงไม่อาจรับฟังได้ว่า ดารุมะและบอลนี่ เจตนาจะหลอกลวง

ปัญหาประการต่อมาคือ มีเรื่องฟอกเงินหรือไม่ ? จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า บอลนี่ โอนเงินบางส่วนให้กับมารดาบุญธรรมเป็นประจำทุกเดือน รวมทั้งโอนเงินเข้าบัญชีชื่อเพื่อนสนิท แต่เป็นการชำระหนี้ที่กู้ยืมมา

นอกจากนี้ มีการโอนเงินไป บ.แห่งหนึ่ง แลกเปลี่ยนเงินบาทไทยเป็นเงินสกุลดอลลาร์ ก็เพียงเพื่อไว้ใช้ระหว่างอยู่ต่างประเทศเท่านั้น ด้วยเหตุข้างต้น จึงไม่อาจรับฟังได้ว่า มีความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน

นี่คือบทสรุปตำนานดรามา-บอลนี่ดารุมะซูซิ คูปองบุฟเฟต์อันโด่งดัง

** “ก้าวไกล”ได้โอกาสเสี้ยม บอกหลัง "ทักษิณ" พักโทษ ประเทศไทยมีนายกฯ 2 คน ดักคอถ้าออกรพ.ทันที ถือว่าป่วยทิพย์

ทักษิณ ชินวัตร
เป็นที่แน่ชัดแล้ว คอนเฟิร์มโดย “ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม ว่า“ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษเด็ดขาด ที่ติดโรงพยาบาล โดยไม่ได้ “ติดคุก” แม้แต่วันเดียว ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา กำลังจะได้รับการพักโทษ กลับไปอยู่บ้าน ในวันที่ 18 ก.พ.นี้

“โกต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้จังหวะออกมาแสดงความเห็นถึงสถานการณ์ทางการเมืองหลังจาก “ทักษิณ”กลับไปอยู่บ้าน “จันทร์ส่องหล้า” ว่าอุณหภูมิทางการเมืองจะร้อนแรงขึ้น อาจเกิดความขัดแย้งรอบใหม่ ในหมู่ประชาชน เพราะเดิมทีก็มีผู้คัดค้าน ไม่เห็นด้วยกับการได้รับอภิสิทธิ์เป็น “นักโทษเทวดา” อยู่แล้ว

ชัยธวัช ตุลาธน
นอกจากนี้ ในการบริหารประเทศของรัฐบาล อาจเกิดสภาวะที่เหมือนมีนายกรัฐมนตรี 2 คน โดยเฉพาะถ้า “ทักษิณ” ออกมาแสดงความคิดเห็น แล้วให้รัฐบาลนำไปปฏิบัติ บรรดาเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ รัฐมนตรีต่างๆ จะเกิดความรู้สึกที่สับสนว่า ตกลงแล้วต้องฟังใครกันแน่ ระหว่าง “ทักษิณ” กับ “เศรษฐา”

ศูนย์กลางอำนาจการบริหารประเทศ อาจจะย้ายจาก “ทำเนียบรัฐบาล” ไปอยู่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ก็เป็นได้ เพราะใครๆก็ต้องวิ่งไปหา “นายใหญ่” ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อ “เศรษฐา ทวีสิน” ที่เป็นนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แน่นอน

นอกจากนี้ ยังมีการดักคอว่า ขอให้จับตาในวันที่ได้รับการพักโทษ ถ้า “ทักษิณ” สามารถกลับบ้านได้ทันที นั่นแสดงว่าตลอด 6 เดือนที่ผ่านมานั้น เป็นการ“ป่วยทิพย์”

แต่ประเด็นนี้ มีข้อน่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้ไปเจรจากับตัวแทนของนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับอาการป่วยของ “ทักษิณ” ก็ได้รับคำตอบว่า ชีพจรไม่คงที่ มีอาการสวิง ขึ้นๆ ลงๆ เนื่องจากคนไข้มีอายุ 75 ปีแล้ว จึงถือว่ามีอาการเสี่ยงวิกฤต ตลอดเวลา

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
“อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกว่าได้ทำความสะอาดบ้านจันทร์ส่องหล้า ไว้แล้ว ขณะที่หลานๆก็เขียนการ์ด รอต้อนรับ และคิดว่าทุกคนในครอบครัวก็จะไปรอต้อนรับในวันที่ทักษิณกลับบ้านด้วย

ส่วนกำหนดการ วัน ว. เวลา น. ที่จะออกมาเป็นเมื่อไรนั้น “อุ๊งอิ๊ง” บอกว่ายังไม่ทราบรายละเอียด แต่ทุกอย่างจะเป็นไปตามกฎหมาย และความเห็นของหมอ ถ้าคุณหมอว่าอย่างไร ก็เป็นไปตามนั้น

ขณะที่ “สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้ที่รับผิดชอบในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการพักโทษของ “ทักษิณ”โดยตรง ชี้แจงว่า ผู้ที่ได้รับการพักโทษจะได้รับการปล่อยตัวในวันถัดไปหลังจากครบกำหนด จากนั้นกรมคุมประพฤติ จะเป็นผู้กำหนดแนวทางการปฏิบัติ เงื่อนไข ข้อห้ามต่างๆ โดยผู้ได้รับการพักโทษที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป ไม่ต้องใส่กำไลอีเอ็ม

การพักโทษ ไม่ต้องแจ้งการปล่อยตัวต่อศาล เนื่องจากเป็นการพักโทษ ไม่ใช่หมายปล่อยตัว ดังนั้นนักโทษยังอยู่ระหว่างคำพิพากษาของศาล และกรมราชทัณฑ์ก็ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลอยู่ โดยผู้ได้รับการพักโทษ สามารถออกไปอยู่ที่บ้าน หรือปรากฏตัวในสังคมได้

สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์
ถ้าว่ากันตามระเบียบพักโทษของราชทัณฑ์แล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะต้องมารับตัว “ทักษิณ” ออกจากโรงพยาบาลตำรวจ กลับไปยังเรือนจำกรุงเทพฯ เพื่อดำเนินการทางเอกสาร แต่ด้วยความที่ทักษิณเป็น “นักโทษวีวีไอพี” ขั้นตอนเหล่านี้อาจไม่จำเป็นก็ได้

คนที่เฝ้ารอดูว่า “ทักษิณ” จะออกจากโรงพยาบาลเมื่อไร มีสีหน้าท่าทางอย่างไร มีอาการป่วยหรือไม่ อาจจะไม่ได้เห็นก็ได้ ถ้าเจ้าตัวไม่ต้องการให้เห็น เพราะขั้นตอนเหล่านี้ อยู่ในการจัดการของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์

โดยเฉพาะมีรายงานข่าวว่า หลังเที่ยงคืนวันที่ 17 ก.พ. เข้าสู่วันที่ 18 ก.พ. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็จะพา“ทักษิณ”ไปส่งที่บ้านจันทร์ส่องหล้า แบบปิดลับ...จากนี้ ถ้าสังคมจะได้เห็นภาพทักษิณ ก็เป็นภาพที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ไม่ใช่ที่โรงพยาบาลตำรวจ หรือที่เรือนจำกรุงเทพฯ

เรียกว่าเป็นการรวบรัดจัดให้โดยกรมราชทัณฑ์ ... แหมช่างบังเอิญไปสอดรับกับกระแสข่าวที่ว่า “ทักษิณ”ไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจตั้งนานแล้ว กลับไปเล่นกับหลานที่บ้านจันทร์ส่องหล้าตั้งนานแล้ว!!


กำลังโหลดความคิดเห็น