เมืองไทย 360 องศา
สำหรับกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่า จะได้รับการพักโทษสามารถกลับบ้านได้ ส่วนจะเป็นวันไหน วันที่ 18 กุมภาพันธ์ หรือวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ก็ต้องรอดูกันต่อไป แต่ทุกอย่างถือว่า “ผ่านตลอด” ให้เตรียมรอรับกันที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ได้เลย และที่ต้องบอกว่าผ่านตลอดนั้น เนื่องจากช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ทั้ง นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ก็ได้เปิดเผยชัดเจนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เขาดำรงตำแหน่งนายกฯที่เกี่ยวกับ “สถานะ” ของ นายทักษิณ ที่ได้รับการ “พักโทษ” หลังจากรับโทษมาครอบ 6 เดือน พร้อมทั้งมีการกล่าว “เชิดชูความดี” มีคุณูปการต่อประเทศชาติอย่างเอนกอนันต์
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ระบุว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีชื่อได้รับการพักโทษ ว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าว นายทักษิณ มีชื่อเข้าข่ายได้รับการพักโทษ ก็ถือว่าเป็นทางการแล้ว ว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษ เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของกรมราชทัณฑ์อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังมีกลุ่มเคลื่อนไหวที่คัดค้านการพักโทษดังกล่าว นายกฯ กล่าวว่า เราว่าไปตามกฎหมาย นายทักษิณ เองก็เป็นอดีตนายกฯ มาหลายปี และเป็นคนที่มีประโยชน์กับประเทศชาติ และทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมาอย่างยาวนาน เป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมชมชอบอย่างสูงที่สุดท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย และความจริงเมื่อท่านออกมาแล้ว ก็เป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง เรื่องในอดีตก็ถือเป็นเรื่องในอดีตไป และได้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายไปเรียบร้อยแล้ว
“ท่านเองก็มีลูกมีหลาน ลูกสาวคนเล็กก็เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แล้วผมเชื่อว่า ท่านจะมีคำแนะนำดีๆ ที่จะให้เป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์ เดี๋ยวผมเชื่อว่าลูกก็จะนำมาใช้เป็นประโยชน์ในการบริหารประเทศได้ และปัจจุบันท่านก็มีหลาน 7 คน ในฐานะที่ผมเป็นพ่อคน ผมก็เข้าใจ ความรักคุณปู่หรือคุณตามีให้กับลูกหลาน ก็ถือเป็นสิทธิของท่าน ยืนยันว่า ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ทุกอย่าง“ นายกฯ กล่าว
ส่วนกรณีกลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อเนื่อง จะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่า เราทำตามกฎหมายทุกอย่าง ทั้งในส่วนกฎหมายของกรมราชทัณฑ์เอง อย่าลืมว่า นายทักษิณ ก็กลับมารับโทษอย่างชัดเจน ทุกอย่างเข้าเกณฑ์หมดทุกอย่าง ก็ว่าไปตามกฎหมาย เราอยู่ด้วยกฎของการอยู่ร่วมกัน คือ การมีกฎหมาย
เมื่อถามว่า ในอนาคตถ้ามีโอกาสขอคำปรึกษาจากนายทักษิณ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ผมพร้อมที่จะพูดคุยกับคนที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติทุกคน ทั้งพรรคตรงข้าม ฝ่ายตรงข้าม อดีตนายกฯ ทหาร ตำรวจ ในอดีตก็พูดคุยตลอดเวลา เพราะผมเข้ามาในรัฐบาลที่มีพรรคร่วมรัฐบาลเยอะ ปัญหาบ้านเมืองก็เยอะ ความชำนาญในการบริหารจัดการประเทศของแต่ละคน ก็มีไม่เท่ากัน บางเรื่องเรามีความรู้มาก บางเรื่องเรามีความรู้น้อย ก็พร้อมที่จะพูดคุยกับทุกคนที่มีความรู้ความสามารถ หรือผู้ที่เคยบริหารจัดการประเทศมา ก็ต้องดูเรื่องกฎหมายและอะไรหลายๆ เรื่องควบคู่ไปด้วย
ด้าน นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงแนวทางการพักโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า สำหรับการพักโทษ ตามหลักการคือเมื่อรับโทษมาแล้วครึ่งปี หรือเท่ากับ 6 เดือน หลังจากครบ 6 เดือนแล้ว วันถัดไปจะเป็นวันปล่อย
นายสหการณ์ ยังกล่าวอีกว่า กรณีของนายทักษิณ ซึ่งมีอายุเกิน 70 ปี ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ตามมติของกรรมการ ซึ่งระบุว่า ผู้ที่เจ็บป่วยพิการอายุ 70 ปีขึ้นไป ไม่ต้องติดกำไล EM เพราะถือว่าอยู่ในเงื่อนไขที่มีการประเมิน และมีข้อมูลยืนยันว่า คนในกลุ่มนี้ไม่เคยทำผิดซ้ำ พร้อมยืนยันว่า กรมราชทัณฑ์ดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายทั้งหมด
เอาเป็นว่า ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 22 เดือนเดียวกัน นายทักษิณ ชินวัตร ก็จะได้รับการพักโทษ และได้กลับบ้าน ซึ่งก่อนหน้านั้น “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวของเขาเคยบอกว่า นายทักษิณ จะไปพำนักที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” โดยมีการปรับปรุงทำความสะอาดรอไว้อยู่แล้ว
สิ่งที่ต้องพิจารณากันหลังจากนี้ไปก็คือ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ก็จะกลายเป็น “ศูนย์กลางอำนาจ” ที่จะกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ นายทักษิณ กลับมา หลังจากที่เขาได้รับการพักโทษ โดยในช่วงที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนหลบหนีออกนอกประเทศบ้านแห่งนี้ก็ถือว่าเป็น “ศูนย์สั่งการ” มีบรรดานักการเมือง นักธุรกิจ ข้าราชการ เข้าออกอยู่ตลอดเวลา
ขณะเดียวกันก็ต้องจับตาอีกว่า เมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร “ถูกปลดพันธนาการ” ไปแล้ว และ “ศูนย์กลางอำนาจ” กำลังกลับมาอยู่ในมือเขาอย่างชัดเจนอีกครั้ง และที่ต้องจับตามองควบคู่กันไปก็คือ ที่ “ทำเนียบรัฐบาล” อำนาจสั่งการในฐานะนายกรัฐมนตรี ของ นายเศรษฐา ทวีสิน จะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ แน่นอนว่า ในทางทางกฎหมายคำสั่งนายกรัฐมนตรีย่อมมีความหมาย แต่คำถามก็คือ “เบื้องหลัง” ของคำสั่งที่ว่านั้นมาจากไหนกันแน่ จากเดิมที่ถูกมองว่า “มีนายกฯเงา” ผ่านทาง “อุ๊งอิ๊ง” แต่เมื่อ “เจ้าของพรรค” ตัวจริงกลับมามันจะสร้างแรงสั่นสะเทือนกับเขามากแค่ไหน และเร็วแค่ไหน
แน่นอนว่า หากพิจารณากันในเวลานี้ยังมองไม่เห็นสัญญาณชัดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ก็มีหลายฝ่ายให้จับตาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป หลังจากที่ ส.ว.ชุดปัจจุบันต้องหมดวาระไป แต่นั่นก็หมายความว่าจะต้องมีการ “โหวต” เลือกนายกรัฐมนตรีกันใหม่ ซึ่งมันก็เสี่ยงที่จะเกิดแรงกระเพื่อม ดังนั้นหากพิจารณากันตามสถานการณ์ก็ยังมั่นใจว่า นายเศรษฐา ทวีสิน น่าจะอยู่ในตำแหน่งไปอีกพักใหญ่ อย่างน้อยก็ต้องลากไปอย่างน้อยหนึ่งปี หลังจากนั้นค่อยมาประเมินกันใหม่ เพราะหากมองกันที่การทำหน้าที่นายกฯของเขาแม้ว่ายังไม่มีผลงานแจ่งชัด แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นมีแรงกดดันจากสังคมมากมายนัก
ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับ “อุ๊งอิ๊ง” เมื่อมองจากภายนอกแล้วยังถือว่า “ราศียังไม่ออร่า” พอ ภาพที่ออกมาในแบบ “ลูกเถ้าแก่” เท่านั้น น่าจะต้องรอจังหวะไปก่อน
ดังนั้นหากพิจารณากันตามรูปการณ์หลังจากที่ นายทักษิณ ชินวัตร ได้พักโทษ กลับไปบ้าน “จันทร์ส่องหล้า” เรียบร้อยแล้ว ถึงต้องนั้นเชื่อว่าความคึกคักจะกลับมาอีก เรียกว่า “หัวกระไดไม่แห้ง” และภาพของ “ศูนย์อำนาจสั่งการ”จะกลับมาอีกครั้ง ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับที่ทำเนียบรัฐบาล ที่เชื่อว่าจะไม่เหมือนเดิม อีกทั้งภาพของความเป็น “หุ่นเชิด” ก็จะยิ่งชัดเจนเช่นกัน !!