xs
xsm
sm
md
lg

ส.ว.เดือดกลางสภา แก๊งทะลุวังป่วนขบวนเสด็จฯ “มณเฑียร” จี้ รบ.ทำงานเชิงรุก ยกบทเรียนที่ร้าวลึก 6 ตุลาฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ส.ว.เดือดกลางสภา แก๊งทะลุวังป่วนขบวนเสด็จฯ “มณเฑียร” จี้ รบ.ทำงานเชิงรุก ยกบทเรียนที่ร้าวลึก 6 ตุลาฯ มองแม้สังคมมีความเห็นต่าง แต่สามารถอยู่ด้วยกันได้ “พล.ต.ท.ศานิตย์” ของขึ้น ลั่นพวกนี้มันแสนรู้ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะมีคนหนุนหลัง จี้รัฐบาลออก พ.ร.ก.อารักขาฯ เพิ่มพระบรมวงศานุวงศ์ไปด้วย ด้าน “อนุศักดิ์” ถามรัฐบาลเคยต่อสู้เพื่อให้มีอำนาจ จะรับมืออย่างไร




วันนี้ (13 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนการประชุมวุฒิสภา ช่วงการหารือ ได้มีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ขอลุกขึ้นหารืออย่างต่อเนื่องถึงประเด็น นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และพวกบีบแตรใส่ขบวนเสด็จฯ จนเกิดเป็นความรุนแรงตามมา

โดย นายมณเฑียร บุญตัน ส.ว. หารือเรื่องการบริหารจัดการความเสี่ยงในสังคมที่เห็นต่างและมีความเปราะบางสูง โดยกล่าวว่า การเทิดทูนพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย และไม่ว่าจะมีความเห็นต่างอย่างไรในทางการเมือง ส่วนตัวเคารพสิทธิมนุษยชน และเชื่อว่า แม้มีความเห็นต่าง แต่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ และสถาบันฯ อันเป็นที่เทิดทูนสามารถอยู่ควบคู่กับประชาธิปไตยสากลและสิทธิมนุษยชนได้อย่างงดงาม

และยอมรับว่า มีความไม่สบายใจและไม่เห็นด้วยกับการกระทำเกี่ยวกับขบวนเสด็จฯ และรัฐบาลในฐานะผู้บริหารราชการแผ่นดินจะต้องทำหน้าที่เชิงรุก เตือนสังคมไทยรับมือ บริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจจะนำไปเสี่ยงสู่ความขัดแย้ง ให้เกิดในลักษณะเป็นอารยะที่สุด และการดำเนินคดีตามกฎหมายตามครรรองเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการ แต่ไปสร้างกระแสหรือเงื่อนไขให้เกิดการตอบโต้รุนแรง ไม่ว่าจะเกิดจากการยั่วยุของฝ่ายใด ซึ่งประเทศไทยเคยมีบทเรียนที่เจ็บปวดมาแล้วจากเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 โดยแนะให้รัฐบาลใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด และสร้างกลไกให้ประชาชนที่มีความเห็นต่างทางการเมือง ใช้กลไกแห่งสันติ ใช้สติใช้หลักเหตุผลในการนำเสนอความคิดที่แตกต่าง

“และจะต้องไม่สนับสนุน การใช้ความรุนแรงหรือการกระทำที่ยั่วยุ อันอาจจะทำให้เกิดความเปราะบางและนำไปสู่ความเสี่ยงภัยที่ยิ่งยวด และอาจนำมาสู่โศกนาฏกรรมที่ทำให้เกิดแผลร้าวลึกในสังคมไทย พร้อมกับขอวิงวอนให้พี่น้องชาวไทยกลับมาอยู่ในสติ และเราสามารถอยู่ร่วมกัน พร้อมกับรับมือกับความไม่ถูกต้องไม่เหมาะสมตามครรลองที่ถูกต้องตามหลักการของกฎหมายและความเป็นอารยชน" นายมณเฑียร กล่าว


ขณะที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ส.ว. ลุกหารืออย่างดุเดือด ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สะเทือนใจท่านประธาน สะเทือนใจตนเป็นอย่างยิ่ง เชื่อหรือไม่ว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ควรจะเกิดในแผ่นดินนี้

“กลุ่มที่กระทำความผิดเหล่านี้ มันไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองที่มีอยู่เลย เพราะมันมีคนคอยหนุนหลัง รู้ข้อกฎหมายในการที่จะดำเนินการกับขบวนของสมเด็จพระเทพฯ ท่านเชื่อหรือไม่ว่า เวลานี้คนกล่าวหาตำรวจว่าล่าช้า ตำรวจทำงานตลอด 24 ชั่วโมง แต่ไปติดขัดที่การจะขอหมายค้น ก็ขอไม่ได้ ผมใช้คำว่า “นางคนนี้” ก็แล้วกัน เพราะอายุ 20 บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่ใช่เด็กและเยาวชนแล้ว ได้รับการแนะนำว่าให้อยู่ในบ้าน ไม่ต้องไปไหน ตำรวจต้องมีหมายค้นเข้าไปค้นบ้าน พอตำรวจไปขอหมายค้น เพราะนางคนนี้มีหมายจับอยู่ ปรากฏว่า ไม่ได้รับอนุมัติให้ได้รับหมายค้นไปค้นบ้านเพื่อจับกุม ท่านประธานเป็นผู้พิพากษามาก่อน ขนาดหมายค้นยังไม่ออกเลย ผมไม่ได้ตำหนิศาลอาญาธนบุรี ผมพูดในหลักการว่าตำรวจไปขอแล้วแต่ไม่ได้ รวมทั้งหมายจับก่อนดำเนินการเรียบร้อยแล้วแต่ทำไม่ได้”

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในส่วนของอัยการก็มีกระบวนการที่ติดขัดอยู่ ตนอยากจะเรียนผ่านไปถึงนายกรัฐมนตรี ว่า มีมาตรการในการป้องกันไม่ให้มีเหตุเหล่านี้เกิดขึ้นได้อีกหรือไม่อย่างไร เมื่อวันเสาร์ก็มีการปะทะกันแล้ว โลกโซเชียลปะทะกันหนักหน่วง รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไรในการป้องกัน “ไม่ใช่ว่าวัวหายแล้วล้อมคอก ถ้าวัวมันหายอีกก็ต้องล้อมคอกให้มันอีก”

พล.ต.ท.ศานิตย์ ย้ำว่า การปราบปรามผู้ที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ ตำรวจทำงานได้มันต้องมีเครื่องมือเครื่องไม้ เพราะฉะนั้นกฎหมายที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติถวายความปลอดภัยยังมีช่องว่างช่องโหว่อยู่หรือไม่ ตนเรียนว่า ประมวลกฎหมายอาญาหากยังจำได้ มีประกาศของสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา สรุปได้ว่า บทบัญญัติรัฐธรรมนูญทุกฉบับรวมทั้งปัจจุบัน มีหมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์ไว้เป็นการเฉพาะซึ่งเป็นบทบัญญัติที่รองรับสถานะพิเศษของสถาบันพระมหากษัตริย์ตามประเพณีการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมืองและสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดใดมิได้ ซึ่งบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญดังกล่าวย่อมครอบคลุมถึงพระราชินี พระรัชทายาท นี่คือข้อความสำคัญที่ตนอยากให้รัฐบาลได้ตระหนัก

“ไอ้พวกนี้มันแสนรู้ ผมใช้คำว่าแสนรู้ เพราะฉะนั้นมันก็เลยเลี่ยง แต่ในประมวลกฎหมายอาญามีคนพูดว่าให้แก้มาตรา 112 ผมบอกว่าอย่าไปแตะเลย 112 ก็ส่วนนึงถ้ารัฐบาลเห็นความสำคัญออกเป็นพระราชกำหนดก็ได้ ทำไมอาวุธปืนยังออกได้ เรื่องนี้ทำได้หรือไม่ มันไม่ได้ครอบคลุมถึงพระบรมราชวงศ์ หรือผู้ที่ปฏิบัติราชการแทนพระองค์ เพิ่มเติมเข้าไปหน่อยได้หรือไม่” พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าว

ด้าน นายอนุศักดิ์ คงมาลัย กล่าวว่า ตนฝากไปถึงรัฐบาล ว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันรัฐบาลจะมีวิธีการในการบริหารจัดการการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนกลุ่มต่างๆ ให้สอดคล้องกับกฎหมายอย่างไร ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ที่เคยต่อสู้เพื่อการที่จะเข้ามามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง เมื่อท่านได้มีอำนาจแล้วจะบริหารสถานการณ์สถานการณ์ด้านสังคมปัจจุบันอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้สถานการณ์ในเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจของพสกนิกรชาวไทยจำนวนมาก ที่มีการใช้สิทธิเสรีภาพของบุคคลกลุ่มหนึ่งในลักษณะที่นำไปสู่การไม่อดทนของคนที่ไม่เห็นด้วย และนำไปสู่ปฏิกิริยาของคนที่โต้แย้ง บาดหมางกัน รัฐบาลจะมีการสื่อสารกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาต่อไปให้มีความสงบเรียบร้อยตามเจตนารมย์ของทุกฝ่ายได้อย่างไร


กำลังโหลดความคิดเห็น