“สมชาย” ชี้ ถึงเวลาปรับปรุงเพิ่มบทลงโทษในกฎหมายถวายความปลอดภัย แขวะ “ก้าวไกล” อย่าแค่พูดไม่เห็นด้วยกับการก่อกวนขบวนเสด็จฯ ต้องทำอย่างจริงจัง ชี้ หากไม่ใช้ กม.ตรงไปตรงมา อาจเกิดน้ำผึ้งหยดเดียว สร้างความขัดแย้ง คนรับผิดชอบคือคนยุคนี้
วันนี้ (12 ก.พ.) นายสมชาย แสวงการ ส.ว. กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มทะลุวังได้มีพฤติกรรมพยายามขับรถแซงขบวนเสด็จฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในขณะที่ขบวนกำลังแล่นผ่านทางด่วน พร้อมบีบแตรรถยนต์ลากยาวระหว่างขบวนเสด็จฯผ่าน ว่า เรื่องนี้เป็นความไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ถึงจะอ้างว่าเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ การทำโพล รวมถึงการขัดขวางกระบวนการเสด็จฯ ซึ่งเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัย มีอยู่ในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ถวายความปลอดภัยอยู่แล้ว อาจจะต้องมีการทบทวน ปรับปรุง แก้ไข โดยอาจจะต้องมีการเพิ่มเติมบทลงโทษเข้าไปใน พ.ร.บ.ดังกล่าวได้เลย ส่วนที่ไม่ต้องเพิ่มเติม คือ การที่เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ถวายอารักขาและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติ รวมถึงหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรที่จะใช้กฎหมายที่ตัวเองมีอยู่ ดำเนินการกับผู้ที่กระทำการดังกล่าว เพื่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง ถ้าเราไม่หยุดตั้งแต่วันนี้ เราไม่บังคับใช้อย่างตรงไปตรงมา ตนเชื่อว่า จะเกิดความเสียใจในอนาคต และคนที่รับผิดชอบ คือ คนในยุคนี้ รวมถึงพรรคก้าวไกล เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งกลุ่มของกลุ่มมวลชนที่เห็นต่าง เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง รวมถึงการประทะกันของกลุ่มมวลชนอาจจะทำให้เกิดน้ำผึ้งหยดเดียวได้
นายสมชาย กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องไปยังพรรคการเมือง โดยเฉพาะที่ นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน สภาผู้แทนราษฎร ที่ออกมาระบุว่า ไม่เห็นด้วย ขอให้แสดงในทางปฏิบัติ อย่าพูด ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ เพราะมวลชนเหล่านั้น เป็นผู้ที่เชื่อมโยงศรัทธา หรือได้รับการประกันตัวจากสมาชิก ส.ส.ของอดีตพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล มาโดยตลอดที่ได้รับการประกันตัว ได้เห็นชัดเจนว่า การเคลื่อนไหวประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ยกเลิกหรืออ้างว่าปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ นั้น มีเจตนาซ่อนเร้นชัดเจนตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และพฤติการณ์เหล่านี้ถูกส่งต่อไปด้วยการกระทำ เป็นการแสดงออกที่ไม่เหมาะ ไม่ควร รวมถึงเป็นการคุกคามที่คนไทยรับไม่ได้
“ผมเรียนไปยังพรรคก้าวไกล ถ้าท่านจะไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นของมวลชน 2 ฝ่ายที่ปะทะกัน ขอให้พรรคก้าวไกลเริ่มต้นก่อนเลย แสดงให้สังคมและประชาชน เห็นว่า ท่านความจงรักภักดี เชื่อมั่น ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข บอกไปยัง ส.ส.ของพรรคท่าน มวลชนของท่าน ว่า การกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง และขอให้ยุติทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการกระทำบนท้องถนน ในสภา นอกสภา และในโซเชียล และสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินตามกฎหมายอย่างเข้มงวด” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวต่อว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยประมุข ผู้นำของทุกประเทศในโลก มีมาตรการที่ชัดเจน เช่น ในประเทศในยุโรปใช้มาตรการรุนแรงมากกว่านี้ กรณีที่เกิดขึ้นบุคคลที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ประกันตัวมา และยังเคลื่อนไหวอยู่ ซึ่งขณะนี้ยังเห็นความเชื่อมโยงอย่างต่อเนื่อง เป็นการกระทำเกิดจากการปลุกเร้าของพรรคการเมือง เป็นการปลุกเร้าความคิด เป็นความเชื่อที่ผิดๆ โดยมาตรการในการปิดถนนก็มีการปรับ เนื่องจากท่านทราบถึงปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ หลายครั้งมีการเสด็จไปพร้อมกับรถของประชาชน หรือบางครั้งอาจมีการปิดเส้นทางเท่าที่จำเป็น ฉะนั้น การเสียเวลาเพื่อให้ขบวนเสด็จไปทันภารกิจ และใช้มาตรการคุ้มกันประมุขเป็นมาตรการที่ถูกต้องแล้ว