“เรืองไกร” ชี้ ความเห็น ป.ป.ช.โครงการดิจิทัลวอลเล็ต เปิดช่องให้ร้องเรียนได้ เผย เคยเตือนนายกฯ ให้ทบทวนไปแล้ว ขู่ หากยังทำอยู่ ไม่ต้องห่วง ร้องแน่ แต่ตอนนี้แผลยังไม่เกิด ยังไม่ต้องทายา
วันนี้ (8 ก.พ.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า อาจขัดต่อข้อกฎหมายหลายข้อ จะทำใหัมีช่องทางให้มีนักร้อง ไปร้องเรียน โครงการดังกล่าวได้ง่ายหรือไม่ ว่า มีโอกาสร้องเรียนได้ง่าย ถ้ากล้าทำตนก็ไม่รู้ ถือว่าเตือนแล้ว และขอบคุณที่ ป.ป.ช.เตือนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ปล่อยให้พรรคการเมืองหาเสียงจะพูดอะไรก็ได้ ถึงเวลาก็มาบอกว่าจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้อย่างโน้นอย่างนี้ แบบนี้ถ้าตระบัดสัตย์ หรือโกหกประชาชนได้ แล้วคุณจะไม่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างอื่นได้หรือ คุณเอาแต่อำนาจ รวมหัวกันหาอำนาจ ทรยศเพื่อนฉีกเอ็มโอยู ขอให้ตระหนักไว้ และตนยังเป็นนักร้อง และนักตรวจสอบอยู่ ถ้าตนว่างตนจะทำ
เมื่อถามว่า เรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต นายเรืองไกร จะร้องเรียนเองหรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ร้องเองได้ ซึ่งเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ตต้องเข้าใจนโยบายของรัฐบาลที่แถลง และต้องเข้าใจรัฐธรรมนูญ การจ่ายเงินแผ่นดิน รวมถึงต้องเข้าใจกฎหมายวินัยการเงินการคลัง วิธีงบประมาณ ซึ่งตนได้เขียนเรื่องนี้เตือน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ไปแล้ว 4 แผ่น เป็นข้อกฎหมายล้วนๆ และตนไม่แปลกใจที่กฤษฎีกา และ ป.ป.ช.ให้ความเห็นครั้งนี้ เงินแผ่นดิน จะเอาไปทำอะไรต่างๆ เราทุกคนจะต้องเป็นคนใช้หนี้ ซึ่งโครงการดิจิทัลวอตเล็ต อาจจะทำให้ขาดทุนเหมือนโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งโครงการรับจำนำข้าวแม้ขาดทุนก็ยังมีข้าวเปลือกแต่โครงการดิจิทัลเล็ตหากขาดทุนจะไม่เหลืออะไรเลย และตนเตือนแล้วด้วยความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของตน ไม่ได้ตั้งท่าว่าจะร้องอย่างเดียว ก็ต้องรอให้มีการทบทวนก่อน
“ภาษาพระเรียกว่าพึงสังวร ภาษาชาวบ้านเรียกว่าสำเนียก ไว้ว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ ควรจะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติ” นายเรืองไกร กล่าว
เมื่อถามว่า นายเรืองไกร จะมีโอกาสไปร้องด้วยตนเองหรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า แผลยังไม่เกิด ก็ยังไม่ต้องทายา แต่ถ้าทำเข้าข่ายความผิด ก็ใช้กฎหมาย ป.ป.ช. ได้เลยไม่ต้องห่วง ตนทำให้ แต่สิ่งที่ตนทำ แต่ตนกล่าวหาจะไม่ใช้อารมณ์ ไม่ใช้ความเห็น เหมือนหลายๆคน ไปยื่นคำร้องว่าผิดนั่นผิดนี่ ซึ่งรัฐบาล ก็มีสิทธิแก้ข้อกล่าวหาได้ เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ตรวจสอบก็ตรวจสอบไปจะถูกจะผิดก็อยู่ที่ฟังคำตัดสิน ต่อข้อถามว่า ถ้ามีการร้องและผิดจริง จะถึงกับหลุดจากตำแหน่งเลยหรือไม่ นายเรืองไกรกล่าวว่า อยู่ที่ดุลพินิจของศาล