xs
xsm
sm
md
lg

“รองอ๋อง” พร้อมรับผิดร่วม 44 ส.ส.ก้าวไกล แก้ 112 ห่วงจำกัดอำนาจนิติบัญญัติ จี้ทบทวนบทบาทองค์กรอิสระ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ปดิพัทธ์” พร้อมรับผิดชอบ เป็นหนึ่งใน “44 ส.ส.ก้าวไกล” หนุนแก้ ม.112 ไม่กังวลอนาคตตัวเอง แต่ห่วงฝ่ายนิติบัญญัติถูกจำกัดอำนาจมากกว่า ชี้ ควรทบทวนบทบาทองค์กรอิสระใน รธน. ฉบับใหม่



วันนี้ (6 ก.พ.) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่ตนเองเป็นหนึ่งใน ส.ส. 44 คน ของพรรคก้าวไกล ที่ร่วมลงชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อปี 2564 โดยระบุว่า ต้องหารือกัน เพราะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เนื่องจากตนเองก็เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคชุดนั้นจริงๆ และเป็นผู้เห็นด้วยกับนโยบายหาเสียงดังกล่าว

“เรื่องในอดีตผมก็มีส่วนทั้งรับผิดและรับผิดชอบ ดังนั้น ก็ปล่อยให้เป็นกระบวนการ ถ้าจะมีการเรียกไต่สวนหรือเรียกพยาน ก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” นายปดิพัทธ์ กล่าว

นายปดิพัทธ์ ย้ำว่า ที่ผ่านมา ก็ได้ชี้แจงอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการนำเสนอนโยบายต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แคมเปญต่างๆ รวมถึงการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนและพูดไปตามข้อเท็จจริง และไม่กังวลว่าจะกระทบกับตำแหน่งของตนเองในอนาคต แต่กังวลว่าจะกระทบกับสิทธิเสรีภาพของฝ่ายนิติบัญญัติมากกว่า เพราะตอนนี้ฝ่ายนิติบัญญัติกลับมีองค์กรอื่น มากำหนดว่า ส.ส.ของเราทำอะไรได้หรือไม่ได้ เสนอกฎหมายได้หรือไม่ได้ เป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก

“ผมยืนยันว่า นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับผม ไม่ใช่ว่าผมจะอยู่ในตำแหน่งได้นานเท่าไหร่ แต่เป็นเรื่องว่าประเทศไทยของเรายังไม่หลุดพ้น จากอำนาจที่อาจจะอยู่เหนือหรือล้ำรัฐธรรมนูญ”

นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อไปว่า ในระยะสั้นเชื่อว่าสังคมจะเกิดคำถามต่อกระบวนการพิจารณาขององค์กรอิสระ ว่า มีความยุติธรรมและเป็นไปตามจริยธรรมที่ถูกต้องขององค์กรหรือไม่ และยังมีเรื่องของการห้ามวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งคิดว่าเป็นเรื่องใหม่ในสังคมที่ไม่เคยเจอมาก่อน หากคำตัดสินไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ นักวิชาการจำนวนมากก็มองว่าจะเป็นการใช้อำนาจเกินไปหรือไม่

ส่วนการหารือในระยะยาวนั้น คือ เรื่องบทบาทขององค์กรอิสระต่างๆ ที่แม้จะเริ่มมีต้นกำเนิดจากรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่ก็มีผลพวงมาถึงรัฐธรรมนูญปี 2560 แต่ต้องมีการทบทวนอย่างหนักถึงบทบาทหน้าที่ขององค์กรอิสระในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะไม่เคยได้รับการประเมินอย่างตรงไปตรงมาถึงความจำเป็นที่จะมีอยู่หรือไม่มีในอนาคต รวมถึงรูปแบบการทำงานและอำนาจหน้าที่

นายปดิพัทธ์ เน้นย้ำว่า กรณีนี้เป็นเรื่องที่อำนาจนิติบัญญัติโดนดูถูก และตกต่ำ เพราะหาก ส.ส.ที่เป็นตัวแทนของประชาชน หากจะเสนอกฎหมายทุกเรื่องต้องถามศาลก่อน ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้ไม่เป็นไปตามหลักการ มองว่าแม้แต่คนในกระบวนการยุติธรรมเอง ถ้าทำผิดก็ควรต้องมีกระบวนการเอาผิดได้ ไม่อย่างนั้นก็จะมีอำนาจล้นเกินของฝั่งใดฝั่งหนึ่ง

นายปดิพัทธ์ ยังกล่าวถึงการแก้รัฐธรรมนูญ ควรจะจัดสมดุลอำนาจอย่างไร ส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วยว่านิติบัญญัติจะสามารถเป็นเอกเทศได้โดยไร้การตรวจสอบ แต่ผู้ตรวจสอบเองกลับไม่มีใครไปตรวจสอบเขา และยังมองว่า อำนาจนิติบัญญัติตกต่ำที่สุด ใน 3 อำนาจ คือ บริหาร และตุลาการ จึงคิดว่าต้องกลับมาจัดสมดุลอำนาจใหม่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่


กำลังโหลดความคิดเห็น