“ชัยธวัช” แจง “นโยบาย ม.112” ปลิวจากเว็บ เพราะเกรงคำวินิจฉัยศาล แต่ยังดื้อบอก ส.ส.พูดได้ ไม่หวั่นดาบใหญ่ประหารชีวิตการเมือง 44 ส.ส. พร้อมสู้คดี ลั่นถ้าอยู่อียู คำวินิจฉัยใช้ไม่ได้
วันนี้ (1 ก.พ.) เมื่อเวลา 16.20 น. ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมร่วม ส.ส.พรรคก้าวไกล ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การใช้นโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หาเสียงของพรรคก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง และถูกสั่งให้ยุติการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่อมา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้พิจารณายุบพรรค และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล
โดย นายชัยธวัช กล่าวว่า วันนี้เป็นการพูดคุยกับ ส.ส.เพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์ให้ตรงกัน และหารือการทำงานของพรรคหลังจากนี้ สส.จะยังทำงานตามปกติ
เมื่อถามถึงกรณีที่เว็บไซต์พรรค ลบนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ออกนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เนื่องจากฝ่ายกฎหมายเห็นว่าเป็นประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญหยิบขึ้นมาอยู่ในคำวินิจฉัยด้วย ว่า การที่ยังมีนโยบายเรื่องนี้อยู่ในเว็บไซต์ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่นำไปสู่บทสรุป ว่า เป็นการล้มล้างการปกครอง ซึ่งความจริงเราไม่คิด ว่าจะเป็นประเด็นสาระสำคัญ
ส่วนที่ ส.ส. หรือสมาชิกพรรคยังมีความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมาย ม.112 ในสื่อโซเชียลมีเดียนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า คำวินิจฉัยไม่ได้บอก ว่า ส.ส.จะเสนอแก้ไขปรับปรุง ม.112 ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.พรรคไหน ซึ่งตนได้ย้ำในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ไปแล้ว ว่า ม.112 ยังเป็นปัญหาอยู่ เพราะฉะนั้น การที่สมาชิกพรรคบางส่วนยังมีความเห็น ว่า ควรแก้ไขมาตรานี้ ก็ยังสามารถทำได้ เพียงแต่ต้องดูว่าอะไรคือการเสนอกฎหมายโดยชอบตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า การประชุมในวันนี้เป็นการระดมความเห็นของ ส.ส. หรือทีมกฎหมายของพรรคมีแนวทางปฏิบัติมาก่อนแล้ว นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังหรอก เพราะเมื่อวานเราฟังคำวินิจฉัยกัน แล้วยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันจริงๆ เพราะต้องรีบเตรียมการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ในวันนี้ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันในช่วงสุดสัปดาห์ จึงถือโอกาสพูดคุยกันในวันนี้ เชื่อว่า ส.ส.คงมีความเห็น และข้อเสนอให้ได้แลกเปลี่ยนกัน
ส่วนที่มีอดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล อาทิ น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา นายกัญจน์พงศ์ สุทธนามณี เข้าร่วมประชุมด้วย เพราะเป็นหนึ่งใน 44 รายชื่อ ที่ยื่นแก้ไขกฎหมายเมื่อ ปี 64 หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจ แต่คิดว่าน่าจะมาประชุมคณะกรรมาธิการ ไม่ใช่วาระที่จะคุยกับกลุ่ม ส.ส. 44 คน ตนยังไม่แน่ใจ
สำหรับข้อกังวลหากถูกร้องจริยธรรม ซึ่งอาจมีโทษถึงการตัดสิทธิทางการเมือง นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องจริยธรรมเป็นคนละเรื่องกับเรื่องถูกร้องยุบพรรค เป็นคนละกระบวนการ และน่าจะใช้เวลามากกว่า ไม่ได้บอกว่าหากเป็นคดีจริยธรรม แล้วถูกตัดสินว่าผิด จะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ขึ้นอยู่กับศาล ซึ่งส่วนนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคก็ได้เตรียมต่อสู้ไว้อยู่แล้ว เรายังคงต้องรอดูคำวินิจฉัยตัวเต็ม เพราะยังมีรายละเอียดทางกฎหมายอยู่
“ไม่ว่าจะโดนร้องเรื่องอะไร ตอนนี้สิ่งที่เรารอ คือ รอดูคำวินิจฉัยตัวเต็ม เพราะจะมีความสำคัญในทางข้อกฎหมาย” นายชัยธวัช กล่าว
ส่วนที่มีนักวิชาการให้ความเห็นว่า พรรคก้าวไกลควรยื่นให้องค์กรระหว่างประเทศตรวจสอบคำวินิจฉัยที่ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนสากลนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน เพราะกลไกที่จะสามารถตรวจสอบการใช้อำนาจของตุลาการในประเทศไทยมีข้อจำกัดอยู่ พร้อมยกตัวอย่าง ว่าถ้าเราอยู่ในสหภาพยุโรปแล้วมีคำวินิจฉัยเช่นนี้จะไม่สามารถบังคับใช้ได้แน่นอน เพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพลเมือง ไม่สามารถห้ามเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้อย่างแน่นอน แต่ว่านี่เป็นประเทศไทย