ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ก้าวไกลไม่รอด ศาลรธน.ฟันเปรี้ยง แก้ 112 = ล้มล้างการปกครอง “พิธา-ชัยธวัช” ยังตะแบงสู้
คดีแก้ มาตรา 112 ที่มีผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล ยื่นร่างแก้ไข ต่อสภาฯ และใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้งนั้น เป็นการใช้สิทธิ เสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรธน.มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ออกมาแล้วว่า เป็นการใช้สิทธิ เสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรธน. มาตรา 49 วรรคหนึ่ง
และสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสอง เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้งไม่ให้มี การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 74
ชัดเจนว่า การแก้ไข มาตรา 112 ที่พรรคก้าวไกลดำเนินการที่ผ่านมานั้น ศาลตีความว่า เป็นการล้มล้างการปกครองฯ ให้หยุดการกระทำนั้นเสีย!
ผลของคำวินิจฉัยดังกล่าว “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ประกาศแล้วว่า วันนี้ (1ก.พ.) จะไปร้อง “ยุบพรรคก้าวไกล” ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะเข้าเงื่อนไขตาม มาตรา 92 (2) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่ง กกต.ต้องส่งให้ศาลรธน. พิจารณาสั่งยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค
นอกจากนี้ ยังอาจมีผู้นำคำวินิจฉัยดังกล่าว ไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และส.ส.พรรคก้าวไกล อีก 44 คน ที่เข้าชื่อกันยื่นร่างแก้ไข มาตรา 112 ต่อสภาฯ ฐานกระทำผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงด้วย
หากศาลรธน.สั่งยุบพรรค ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค และ ป.ป.ช.ชี้ว่า “พิธา และ 44 สส.” กระทำผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงด้วยแล้ว งานนี้พรรคก้าวไกล ตายแทบจะยกพรรค
ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยแล้ว ทางแกนนำพรรคก้าวไกล ก็มีการหารือกัน ก่อนยกทีมออกมาแถลงข่าว นำโดย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค แถลงเป็นภาษาอังกฤษ ส่วน“ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรค แถลงเป็นภาษาไทย
เนื้อหาสาระน่า จะเรียกว่าเป็นการแถลงโต้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เสียมากกว่า
โดยหัวหน้าพรรคก้าวไกลยืนยันว่า...เราไม่ได้มีเจตนา เซาะกร่อนบ่อนทำลาย หรือแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ ออกจากชาติ แต่อย่างใด
...พวกเรายังเห็นว่า คำวินิจฉัยศาลฯครั้งนี้ จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเมืองไทย ในระยะยาว เช่น อาจกระทบกับความสัมพันธ์ทางอำนาจ ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ กับศาลรัฐธรรมนูญ กระทบต่อความเข้าใจ และความหมายตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หลักการสำคัญของระบบการเมือง ไม่มีความชัดเจนแน่นอน อีกทั้งมีความคลุมเครือ ทั้งในแง่การตีความข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และเจตนา ว่าอย่างไรคือการล้มล้างการปกครอง
คำวินิจฉัยในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดปัญหาต่อดุลยภาพ ระหว่างประชาธิปไตย กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในระบบการเมืองไทยในอนาคต อาจจะทำให้สังคมไทยสูญเสียโอกาสในการใช้ระบบรัฐสภาในระบบประชาธิปไตย ในการหาข้อยุติความขัดแย้ง จากความเห็นที่ต่างกัน ในสังคมในอนาคต
ที่สำคัญ คำวินิจฉัยนี้ อาจส่งผลต่อประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ กลายเป็นปมปัญหาความขัดแย้งในการเมืองไทย และอาจส่งผลกระทบในด้านลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เสียเอง
นอกจากนี้ คำวินิจฉัยไม่เพียงกระทบต่อพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่จะกระทบต่อความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ และสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคน
ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ และผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงเป็นเรื่องของพวกเราทุกคน ไม่ใช่ของพรรคก้าวไกล แต่เป็นเรื่องของอนาคตของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
สรุป...พรรคก้าวไกลยังคงใช้โอกาสเช่นนี้ ฟ้องต่อชาวโลก ปลุกบรรดา“ด้อมส้ม”ให้เห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ยังคลุมเครือ ไม่ชัดเจน กระทบต่อสิทธิ เสรีภาพของประชาชน กระทบต่อความเป็นประชาธิปไตยขอประเทศด้วย
**วาทะ"คุณนายกรมการข้าว" เป็นหนี้บ่ได้ไปปล้นคนมา บ่อายดอกจ้า
"ติ๋ม" ธัญญรัตน์ ไชย์ศิริคุณากร หรือ "คุณนายกรมการข้าว " ภรรยา "ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์" อธิบดีกรมการข้าว ชั่วโมงนี้ เคลื่อนไหวอะไรย่อมมีคนสนใจ เพราะเธอเป็นคนสำคัญอยู่เบื้องหลังช่วยอธิบดีผู้สามี ตลบหลัง "นักร้อง" พี่ศรี ศรีสุวรรณ จรรยา, "เจ๋ง ดอกจิก" ยศวริศ ชูกล่อม และ "การ์ตูน" พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ ข่มขู่เรียกเงินเพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียน
เรียกว่า การจับกุมพี่ศรีและพวก ถ้าไม่ได้ "คุณนายกรมการข้าว" นารีพิฆาต ที่เก็บหลักฐาน ทั้งคลิปแชตไลน์ ไปจนถึงคลิปเสียง เจ้าหน้าที่ก็คงจะทำงานด้วยความยากลำบากกว่าที่เห็น
ดังนั้นเองสปอตไลต์ทุกสำนัก จึงอยากทำความรู้จักกับ "คุณนายกรมการข้าว" มากขึ้นเป็นธรรมดา
นอกจากสืบทราบว่า “ติ๋ม ธัญญรัตน์” วัย49 ปี เดิมนามสกุล "บุญอาจ" และ "ชุมสวัสดิ์มงคล" แล้ว ครอบครัวทำธุรกิจหลายอย่างอยู่ใน ต.เพนียด อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี
สำนักข่าวอิศรา ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่า นางธัญญรัตน์ ไชย์ศิริคุณากร มีชื่อเป็นเจ้าของธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ “ลูกชาวนา ฟาร์ม” รับเหมาก่อสร้าง ค้าขายสินค้าทางการเกษตร เปิดดำเนินการ 10 แห่ง เลิกกิจการแล้ว 1 แห่ง
ขณะที่คนในครอบครัวเป็นเจ้าของธุรกิจ 1 แห่ง รวมเปิดดำเนินการ 11 แห่ง มีทุนจดทะเบียนรวม 250 ล้านบาท
สื่อบางสำนักก็ยังได้เปิดเผยถึงการทำธุรกิจของเธอที่มีทรัพย์สินและหนี้สินรวมหลายร้อยล้าน
เมื่อมีรายงานข่าวแบบนี้ “คุณนายกรมการข้าว ลูกชาวนา” จึงเคลื่อนไหวโพสต์รูปภาพ เอกสารการเงิน ซึ่งเป็นตารางสรุป "ภาระหนี้” ของวันที่ 8 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งมีตัวเลขรวมทั้งสิ้น 62,791,229 บาท พร้อมกับระบุข้อความว่า
"เรื่องเป็นหนี้ บ่ได้ไปปล้นคนมา บ่อายดอกจ้า หลายคักอีกหลายธนาคาร ข้อยเฮ็ดถูกตามระเบียบทุกอย่าง ขอคำแนะนำแนจ้า อันใหนผิดฉันจะรีบแก้ไขให้มันถูก แล้วก็ได้แสดงบัญชีทรัพย์สินแล้วเด้อจ้าาาา #เวลาที่เสียไป เราก็ได้หนี้สินที่เพิ่มมา อิหยังบ่เคยเจอกะได้เจอ คักๆๆๆๆ #อย่าถือสาหาความข้อยเด้ ลูกชาวนาจร้า"
ฟังว่า หลังจากที่ภรรยาอธิบดีกรมการข้าวโพสต์ สื่อบางสำนักก็รายงานว่า เธอได้ฟ้องสำนักข่าวชื่อดังบางแห่ง ที่รายงานข้อมูลธุรกิจคลาดเคลื่อน
ขณะที่มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจกันพอสมควรถึง “คุณนายกรมการข้าว” ในความนักสู้ของเธอ และ เธอก็ได้มาตอบในช่องความเห็นด้วยว่า...
"จะงัดเอาธนาคารใหนอีก มีหนี้อีก 5-6 ธนาคาร ไปสืบเอาเลยจร้า จะได้ยุติ แม่ฉันคลอดฉันมาจากเพิงยุ้งข้าว ไม่มีบ้านอยู่ด้วยซ้ำ มาถึงวันนี้ได้เกินกว่าผู้หญิงคนหนึ่งควรได้รับด้วยซ้ำ พอแล้ว"
นี่ก็เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของ"คุณนายกรมการข้าว" ที่สะท้อนให้เห็นว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา ฟาดมาก็ฟาดกลับ แซะมาก็เปิดเผยให้รู้กันไป
