xs
xsm
sm
md
lg

“จตุพร” ท้า “ทักษิณ” จะเลือกอยู่บ้าน หรือพักชั้น 14 แบบสิ้นยางอายกฎหมายเอาผิดก็เอา เตือนหายนะและลามเป็นจุดจบรัฐบาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายทักษิณ ชินวัตร จากแฟ้ม
เอาเลย! “จตุพร” ท้า “ทักษิณ” จะอยู่บ้านหรือพักชั้น 14 รพ.ตำรวจ แบบสิ้นยางอายกฎหมายเอาผิด ชี้ ไม่ง่ายกับการท้าทายอารมณ์ประชาชนที่เพิ่มทวีความสงสัยมากขึ้น เตือน จัดการไม่ดี จะเป็นหายนะ และลามเป็นจุดจบรัฐบาล

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ (25 ธ.ค. 66) ว่า ทักษิณ ชินวัตร อ้างป่วยพักรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นานกว่า 120 วันแล้ว แต่ยังไม่ถูกส่งตัวกลับเข้าเรือนจำ ไปรักษาและคุมขังที่ รพ.ราชทัณฑ์ ยิ่งทำให้ความไม่พอใจของประชาชนลุกลามขยายวงทวีกว้างขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีกับรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน

“จตุพร” กล่าวว่า ทักษิณ จะถูกคุมขังที่บ้านหรือไม่นั้น เมื่อระเบียบราชทัณฑ์เปิดให้ทำได้อยู่แล้ว แต่จะกล้าหรือไม่ เพราะตั้งแต่ระเบียบราชทัณฑ์ออกมาเมื่อ 6 ธ.ค. 2566 ทักษิณสามารถออกไปอยู่บ้านได้ทุกวัน แต่คงไม่ง่ายกับการท้าทายอารมณ์ของประชาชนที่ทวีเพิ่มความสงสัยมากขึ้น

ทั้งยังกล่าวว่า หลังถูกยึดอำนาจเมื่อ 2549 ทักษิณ ลี้ภัยการเมืองอยู่ต่างประเทศกว่า 15 ปี ผ่านการดีลสารพัดเพื่อต้องการกลับไทยให้ได้ เมื่อโอกาสเปิดให้จึงได้กลับมาในวันที่ 22 ส.ค. 2566 พร้อมกับรับสารภาพความผิดกับพระเจ้าแผ่นดิน จึงได้รับพระราชทานอภัยลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี แต่อ้างป่วยเข้ารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ จนถึงขณะนี้

“จตุพร” ย้ำว่า หลังถูกยึดอำนาจเมื่อปี 2549 ทักษิณ เป็นนักต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยมีประชาชนหนุนหลังมาร่วมต่อสู้ด้วยมากมาย เพราะเชื่อว่าทักษิณไม่ผิด แต่ถูกการเมืองของคณะยึดอำนาจรังแก สำหรับประชาชนกลับติดคุก ชีวิตตัวเองและครอบป่นปี้ ส่วนทักษิณ กลับไทยได้ ก็ยอมรับความผิด ซึ่งผิดวิสัยนักต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย หากรักประชาธิปไตยจริงแล้ว ต้องสารภาพยอมรับคำตัดสินลงโทษ แต่ไม่ยอมรับการกระทำเป็นความผิด

“การรับสารภาพความผิด แล้วมาอ้างเป็นสาเหตุจากการยึดอำนาจ จึงเป็นเรื่องคนละตอน เมื่อมีคำพิพากษาแล้ว และคนที่มาต่อสู้บาดเจ็บล้มตายมากมายนั้นจะมากล่าวอ้างได้เหรอ ดังนั้น ถ้าทักษิณ ต้องการใช้ระเบียบราชทัณฑ์ ไปคุมขังที่บ้านก็เอาเลย จะได้รู้ว่า สังคมไทยคิดอะไรกับเรื่องนี้ และจะได้รับรู้อารมณ์ประชาชนยิ่งขึ้น”

ภาพ นายจตุพร พรหมพันธุ์ จากแฟ้ม
“จตุพร” เห็นว่า การที่ทักษิณ ไม่ยอมติดคุกสักวัน แต่ใช้อภิสิทธิ์คนป่วยไปนอนชั้น 14 รพ.ตำรวจจะกลายเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่ และจะนำสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไม่รู้แบบไหน อาจจะจบลงแบบ 19 ก.ย. 2549 หรือ 22 พ.ค.  2557 ย่อมเกิดขึ้นได้

“ทั้งสองชนวนการเปลี่ยนแปลงนั้น เกิดมาจากการระบาดทางอารมณ์ของประชาชน ซึ่งไม่แตกต่างกับขณะนี้ที่เริ่มเกิดเสียงดังมากขึ้นทุกขณะกับทักษิณนอนชั้น 14 โดยไม่รู้ว่าป่วยจริงหรือไม่ แล้วกล้องวงจรปิด รพ.ตำรวจ เสียหมด ยิ่งเพิ่มเติมความสงสัยของประชานมากขึ้นไปอีก”

พร้อมทั้งกล่าวว่า ทักษิณ เป็นคนที่ได้รับโอกาสดีกว่านักโทษทั่วไป แต่กลับไม่ใช้เวลาที่ชีวิตเหลืออยู่แสดงให้สังคมเห็นว่า ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน แม้มนุษย์มีความไม่เท่ากันในด้านทรัพย์สิน แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน สิ่งนี้ได้นับการปฏิบัติให้เท่ากันหรือไม่ สิ่งสำคัญเมื่ออภิสิทธิ์ชนไม่ทำตามกฎหมายยิ่งเป็นการสร้างบาดแผลให้สังคมไม่พอใจยิ่งขึ้นไปอีก

“เมื่อทักษิณอยู่ รพ.ตำรวจ จนครบ 120 วันแล้ว รมว.ยุติธรรม ก็รับทราบ และรายงานให้นายกฯ ได้รับรู้ ต้องการทำให้บ้านเมืองอยู่กันแบบนี้เหรอ คิดว่าจะเอาอยู่เหรอ และที่เคยคิดว่าจะเอาอยู่มาหลายครั้งจนบ้านเมืองพังไปนั้น เพราะไม่เคยเอาอยู่กันได้เลย”

“จตุพร” ชี้อีกว่า เมื่อประชาชนสงสัยทักษิณป่วยและรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ หรือไม่แล้ว ต้องพิสูจน์ให้สังคมกระจ่างแจ้ง โดยนำผลการตรวจของแพทย์มารายงานเพราะเป็นนักโทษคนสำคัญ แต่กลับปิดบังเอาไว้ ไม่เพียงเท่านั้นยังบอกกล้องวงจรปิดเสียหมด ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้กับ รพ.ตำรวจ ที่ต้องคุ้มกัน รักษานักโทษคนสำคัญอยู่ โดยไม่ใช้โอกาสทำความจริงให้ปรากฏเมื่อมีคนสงสัยมากมาย เรื่องนี้ถ้าจัดการไม่ดี จะเป็นหายนะและลามเป็นจุดจบของรัฐบาลอย่างไม่น่าเชื่อเลย

นอกจากนี้ “จตุพร” ยังกล่าวถึง กรณีพรรคก้าวไกลถูกศาล รธน.นัดวินิจฉัยคดีในวันที่ 17 และ 31 ม.ค. 2567 ด้วย โดยเห็นว่า ถ้าศาลตัดสินถึงขั้นยุบพรรคจะยิ่งทำให้พรรคก้าวไกลในนามพรรคใหม่ยิ่งเติบโตขึ้นมาก โดยผลโพลของนิด้าล่าสุดความนิยมในตัวนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค และพรรคก้าวไกลมีมากถึง 44% สูงกว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นๆ หลายเท่าตัว

อีกอย่าง การยุบพรรคนั้น จะยิ่งทำให้พรรคก้าวไกลมีทีมหาเสียงเลือกตั้งใหม่ถึง 3 ชุด ซึ่งเป็นกลุ่มคนอยู่ในวัยหนุ่มสาวกันทั้งสิ้น สิ่งนี้จึงเหนือกว่าทุกพรรคการเมือง ดังนั้น การยุบพรรคก้าวไกลย่อมไม่เป็นผลดีกับพรรคเพื่อไทยอย่างยิ่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น