อดีต ส.ส.ปชป. ชี้ช่อง “เศรษฐา” หาเงินทำดิจิทัลวอลเล็ต โดยไม่ต้องกู้ 5 แสน ล. สร้างหนี้ให้ซาติ ใช้กฎหมาย ปปง. ม.3(5) ยึดเงินคดีทุจริต คืนแผ่นดิน ระบุ หากกล้าทำจริง ได้มากกว่า 1 ล้านล้าน ขู่ไม่ทำเจอ ม.157
วันนี้ (23 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายชาญชัย อิระเสนารักษ์ อดีต ส.ส .นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน จะออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อแจกในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต คนละหมื่นบาท ว่า การกู้เงินมาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะทำได้หรือไม่ ผิดรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง รวมถึง พ.ร.บ.หนี้สาธารณะและกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ยังไม่ทราบเพราะต้องรอผู้ขี้ขาดคือศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลคดีอาญา ลำหรับตนมีข้อเสนอแนะนายเศรษฐา ว่า หากต้องการหาเงิน 5 แสนล้านบาท มาทำโครงการนี้ ยังมีเงินอยู่ 2 ก้อน คือ 1. ให้นายกฯ และ รมว.คลัง ตรวจสอบหรือสอบถามไปยัง ป.ป.ช. และ ปปง. รวมถึงคณะกรรมการธุรกรรมของ ปปง. ว่ามีคดีทุจริตและการใช้อำนาจหน้าที่มิชอบใดบ้างที่ศาลได้ตัดสินคดีถือเป็นที่สิ้นสุดแล้วในรอบ 20 ปี ว่า มีทั้งหมดกี่คดี ซึ่งความผิดดังกล่าวเข้ามูลฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ปปง. ปี 2542 มาตรา 3(5) ที่ระบุว่า “ความผิดมูลฐานคือ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมตามประมวลกุฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น”
นายชาญชัย กล่าวต่อว่า ตนเคยศึกษาและทำคดีตัวอย่างให้รัฐบาลอายัดยึดทรัพย์ในคดีโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ ที่มีมูลค่า 9,058 ล้านบาท ว่า เข้าข่ายความผิดฐานทุจริตในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ และมี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็น รมว.ยุดิธรรม ขณะนั้น ที่คุมหน่วยงาน ปปง. โดยคณะอนุกรรมาธิการการปฏิรูปกฎหมายเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (ที่มี พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป เป็นประธาน) ได้ศึกษาคดีที่ศาลฎีกาตัดสินแล้วว่า มีความผิดก่อให้เกิดความเสียหายแต่กลับไม่มีการบังคับคดีตามกฎหมายให้เกิดการอายัดยึดทรัพย์ตามมูลฐานความผิด ม.3(5) ของ พ.ร.บ.ปปง. จึงนำคดีนี้เข้าสู่กฎหมาย ปปง. ตามมูลฐานความผิดการฟอกเงินโดยคณะกรรมการธุรกรรม ปปง. ส่งเรื่องฟ้องศาล ต่อมาศาลฎีกา (แพ่ง ) ได้มีคำพิพากษาให้อายัดยึดทรัพย์ผู้ทำความผิด แม้ว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงิน 9,058 ล้านบาท ให้ก็ตาม โดยคำพิพากษาของศาลฎีกา เมื่อวันที่10 ส.ค. 2564 หน้าที่ 12 ระบุชัดว่า คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ไม่ได้วินิจฉัยในเนื้อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำขอรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับเอกชนที่เกี่ยวกับคดีนี้ว่า ได้กระทำความผิดมูลฐานที่จะริบเงินได้ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ศาลฎีกา (แฟง) จึงมีคำพิพากษาให้อายัดยึดทรัพย์ในคดีดังกล่าว และถือเป็นบรรทัดฐานที่จะใช้การยึดอายัดรัพย์ตามมูลฐานความผิด ม.3(5) ที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่นๆ”
นายชาญชัย กล่าวว่า หากนำคดีการทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นๆ ในรอบ 20 ปี นับแต่ปี 2540 ตั้งแต่มีกฎหมาย ป.ป.ช.บังคับใช้ มีเงินทุจริตจากมูลฐานผิดสามารถอายัดยึดทรัพย์เข้ารัฐได้มีจำนวนมากกว่า 1 ล้านล้านบาท หากรวมทุกคดี ถ้าอยากได้เงินมาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตตามที่ได้หาเสียงเป็นสัญญาประชาคม โดยไม่ต้องกู้เงิน ก็ให้นายกฯ และรมว.คลัง บังคับใช้กฎหมายป้องกันการฟอกเงินสั่งอายัดยึดทรัพย์โดยเฉพาะคดีทุจริตที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว หรือที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดแล้ว รวมทั้งมูลฐานความผิดอื่นตามกฎหมาย ปปง. ตนจะรวบรวมตัวเลขการทุจริตของคดีต่างๆ ส่งให้นานายกฯ และ รมว.คลัง ไปดำเนินการสั่งอายัดและยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งเป็นเงินภาษีแผ่นดินให้กลับคืนมาใช้ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติได้
“ผมเคยระบุว่า มีการทุจริตที่เคยตรวจสอบในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมาว่า คดีทุจริตต่างๆ สร้างความเสียหายให้ประเทศชาติมีมูลค่าเสียหายมากกว่า 4.5 แสนล้านบาท จึงอยากให้นายกฯไปเอาเงินที่โจรปล้นเงินแผ่นดินมาตลอด 20 ปี ให้นายกฯไปตามเอาเงินส่วนนี้ ท่านจะไม่ถูกครหาว่า เข้ามาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนี้เพื่ออะโร อีกทั้งการแก้ปัญหาความยากจนของประชาชน ต้นเหตุมาจากการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง ทั้งข้าราชการระดับสูงและนักการเมืองทุกระดับเป็นผู้กระทำทั้งสิ้น" นายชาญชัย กล่าว
เมื่อถามว่า คดีทุจริตทั้งหมดกี่คดีรวมเป็นยอดรวมเท่าไร นายชาญชัย กล่าวว่า เท่าที่จำได้มีมากกว่า 10 คดี มียอดเงินสูงมากกว่า 4.5 แสนล้านบาท โดยเฉพาะคดีภาษีไม่มีอายุความซึ่งตนได้ทำรายงานสรุปให้ พล.อ.ประยุทธ์ ในสมัยนั้น รับทราบแล้ว แต่ไม่มีการดำเนินการแต่อย่างไร โดยตนจะรวมรวบข้อมูลทั้งหมดให้นายกฯเศรษฐาด้วย ส่วนการออกมาครั้งนี้ไม่ได้อยู่ฝ่ายใด แต่ยึดเอาความถูกต้อง ทำเพื่อชาติบ้านเมืองและบอกให้รู้ว่ามีวิธีนำเงินทุจริตหรือเงินที่ถูกโกงซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนนำมาให้นายกฯมาแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชน โดยไม่ต้องกู้สร้างหนี้สินให้เป็นภาระลูกหลาน
เมื่อถามย้ำว่า หากนายกฯ เศรษฐา ไม่ดำเนินการอายัดและยึดทรัพย์ดังกล่าวจะทำอย่างไร นายชาญชัย กล่าวว่า เดี๋ยวจะรู้เลยว่า นายเศรษฐา จะทำหรือไม่ทำ ถ้าไม่ทำก็โดน ม.157 ตามตัวนายเศรษฐาไปด้วย