ข่าวปนคน คนปนข่าว
**คนไม่เท่ากัน “แจ้” โดนเชือด “ปูอัด” รอด เส้นใหญ่ขนาดไหน ก๊วนสส.กทม.แห่อุ้ม
ว้าวุ่นกันต่อ หลังมติที่ประชุมร่วมส.ส.และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ลงโทษ 2 ส.ส.แบบสองมาตรฐาน ทั้งที่ผลสอบคณะกรรมการวินัยพรรคก็สรุปว่า “มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ” ผิดวินัยพรรคร้ายแรงเหมือนกัน
“ส.ส.แจ้” วุฒิพงศ์ ทองเหลา ผู้แทนชาวปราจีนบุรี ถูกลงมติขับออกจากพรรค ด้วยเสียงโหวต 120 เสียง ทำให้การขับออกมีผล เนื่องจากมีเสียงโหวตถึง 3 ใน 4 ของจำนวน ส.ส.+กรรมการบริหาร (ต้องการ 116 เสียงขึ้นไป)
แต่ “ส.ส.ปูอัด” ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ผู้แทนชาวเมืองกรุง เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม มีเสียงโหวตให้ขับออก 106 เสียง ไม่ถึง 3 ใน 4 ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด จึงขับออกไม่สำเร็จ ได้รับโทษแค่ “คาดโทษ” ห้ามมีพฤติกรรมแบบเดิมซ้ำ พร้อมตัดสิทธิมีตำแหน่งสำคัญ
ผลออกมาแบบนี้ ใครๆก็ต้องร้อง อ้าว! ไม่เหมือนที่โม้ไว้เลยนี่หว่า ก็ไหนว่าเป็นพรรคที่เชิดชูอุดมการณ์ “คนเท่ากัน” แต่ไฉนคนของพรรคที่ทำผิดเหมือนกัน 2 คน แต่ได้รับโทษไม่เหมือนกัน
มิหนำซ้ำ ถ้าจะว่าไปพฤติกรรมความผิดของ“ส.ส.ปูอัด”น่าจะหนักกว่าด้วยซ้ำ เพราะถึงขั้น “ล่วงละเมิด” ขณะที่ “ส.ส.แจ้” ยังเป็นแค่ “แชตหื่น”
แม้กระทั่งกลุ่มผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกลเอง ก็ยังออกอาการผิดหวังไปตามๆ กัน
ทั้ง “ครูใหญ่ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่นอกจากจะผิดหวังกับมติแล้ว ยังจวกแหลกทั้ง 2 ส.ส. ที่ไม่แสดงความรับผิดชอบด้วยตัวเอง ปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้ แล้วก็เสียหายกันทุกฝ่าย
ทั้ง “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ที่เรียกร้องให้ “ส.ส.ปูอัด” ลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ แม้เสียงที่ลงมติขับออกจะไม่ถึง 3 ใน 4 แต่ก็ถือว่าเกินครึ่ง
ขณะที่บรรดาแกนนำ “ม็อบ 3 นิ้ว” ที่เป็นกองหนุนพรรคก้าวไกล ทั้ง “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล “มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล ที่ออกมาเรียกร้องให้ “ส.ส.ปูอัด” ลาออก และให้คนที่โหวตอุ้ม เปิดเผยตัวออกมาเสียดีๆ
ส่วนบรรดานักการเมืองหญิงในสังกัดพรรคก้าวไกล ต่างก็เปลี่ยนโปรไฟล์เฟซบุ๊ก เป็นพื้นสีดำกันเป็นแถว พร้อมเรียกร้องให้ “ส.ส.ปูอัด”ลาออก แสดงความรับผิดชอบด้วยตัวเอง
ว่ากันว่า สาเหตุที่ “ส.ส.ปูอัด” อยู่รอดปลอยภัยในพรรค แต่“ส.ส.แจ๊” กลับถูกเฉดหัว ก็เป็นเรื่องของ “คอนเน็กชั่น” นั่นแหละ แม้แกนนำพรรคหลายคน อย่าง “รังสิมันต์ โรม” จะออกมาปฏิเสธว่าไม่มีเส้นสาย จะเอาพฤติกรรมของคนหนึ่งไปเสียบแทนอีกคนหนึ่งไม่ได้ ก็ตาม
“ส.ส.แจ้” ผู้แทนราษฎรชาวประจีนบุรีนั้น จะว่าไปก็คือ“ส.ส.บ้านนอก” คนหนึ่ง ได้รับเลือกตั้งเข้ามาก็เพราะผลจากการทำงานใกล้ชิดชาวบ้าน ไม่ได้มีเส้นมีสายในศูนย์กลางพรรคที่ กทม. แต่อย่างใด
ฟัง “ส.ส.แจ้”ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภาฯ เมื่อวาน (2พ.ย.) ก็มีอาการน้อยใจให้เห็น โดยตอนหนึ่งได้บอกว่า เขาไม่มีคอนเนกชันการเมืองเลย
“เขาไม่ให้เราพูดมาตลอด เราก็พูดไม่ได้ พอได้พูดก็หลังแถลง ก็คือวันนี้ เสียใจ ผมไม่มีคอนเนกชันเรื่องพรรคการเมืองเลย” ส.ส.แจ้ บอกกับนักข่าว
ตรงกันข้ามกับ “ส.ส.ปูอัด” ที่มีคอนเนกชันใน กทม.แบบแน่นปึ๊ก ว่ากันว่า เสียงที่โหวตอุ้มที่ไม่ให้ขับพ้นพรรค จำนวน 22 เสียงนั้น มาจากกลุ่มก้อนของ ส.ส.กทม. เป็นส่วนใหญ่
แกนนำพรรคก้าวไกลที่กำลังเป็นดาวโรจน์อย่าง “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ ก็สนิทชิดเชื้อกันมานาน ตั้งแต่อยู่ในกลุ่ม “นิวเดม” ของพรรคประชาธิปัตย์
หลังออกจากพรรคแม่ธรณี ก็เคลื่อนไหวร่วมกับ“ไอติม” มาตลอด อาทิ เป็นตัวแทนกลุ่ม Resolution รณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน “ร่างรื้อระบอบประยุทธ์” เป็นตัวแทนรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน หรือ ร่าง “ILAW” สมาชิกกลุ่ม ConLab ขับเคลื่อนให้ความรู้ประชาชนด้านรัฐธรรมนูญไทย
ด้านการทำงาน “ส.ส.ปูอัด” ยังเป็นนักวิจัยผลิตภัณฑ์ UX Research แอปพลิเคชันคอร์สเรียนออนไลน์ “StartDee” ของบริษัท เอ็ดดูเคชั่น เทคโนโลยี จำกัด หรือ EdTech ที่มี “ไอติม”เป็นซีอีโอ อยู่
ถึงแม้ “ไอติม” จะออกมาปฏิเสธเสียงหลงว่าเขาไม่เกี่ยว ที่มีส.ส.กทม.โหวตอุ้ม “ปูอัด” และตัวเขาเองเป็น 1 ในเสียงที่โหวตให้ขับออกด้วยซ้ำ แต่เพราะความเป็นคนสนิทของแกนนำ จะทำให้ ส.ส.คนอื่นๆ มีใจเอนเอียงให้หรือเปล่า อันนี้ “ไอติม” ไม่ได้อธิบาย
ไม่ใช่แค่สนิทกับ “ไอติม” เท่านั้น “ส.ส.ปูอัด” ยังเคยได้รับการการันตีจากแกนนำพรรคอย่าง“วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ซึ่งเคยโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ เชียร์แบบสุดลิ่ม เมื่อวันที่ 11 เม.ย.66 ช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่า “ปูอัด เป็นคนที่ทำงานที่ #พรรคก้าวไกล ร่วมกับผมมานาน เป็นหนึ่งในคนที่ผมเชื่อใจมากที่สุด และมั่นใจว่าเขาจะเป็นผู้แทนราษฎร ที่ชาวจอมทอง ภาคภูมิใจครับ”
แม้ล่าสุด “วิโรจน์” จะออกมาทวิต เรียกร้องให้ “ส.ส.ปูอัด”ควรลาออก แต่ก็เกิดขึ้นหลังจากเกิดกระแสเต็มโชเชียลฯ แล้ว
มีคนระดับแกนนำพรรคเคยการันตีแบบนี้ ใครจะไปกล้าคิดว่า “ส.ส.ปูอัด”จะไปทำอะไรมิดีมิร้าย ตามที่ถูกกล่าวหา
ก็ขนาดแค่อ้างง่ายๆ ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความยินยอม ฝ่ายผู้เสียหายเมา เหตุผลง่ายๆแค่นี้ ก็ยังได้รับเสียงโหวตไม่ขับออก แม้กรรมการบริหาร และกรรมการวินัยพรรค ได้เน้นย้ำก่อนลงมติว่า ให้ทุกคนคิดไตร่ตรองให้ดี เพราะมติครั้งนี้เพื่อนในพรรคจะต้องแบกไปอีก 3 ปี ก็ตาม
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้คิดว่า “ส.ส.ปูอัด” มีเส้นได้ยังไง
**จับตา“บิ๊กจวบ”เข้าไลน์ ลุ้น ผบ.ตร. หลังโยก “รองฯรอย”นั่งเลขาฯสมช.
แม้ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช) ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้ (2 พ.ย.) จะยังไม่มีการเคาะว่าใครจะขึ้นมานั่งตำแหน่ง เลขาฯสมช. โดย “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี บอกว่า ตอนนี้ยังไม่แต่งตั้ง เนื่องจากต้องรอขั้นตอนของกฎหมาย คงอีกประมาณ 10 วัน จึงจะเสนอที่ประชุมครม.ได้
“การรอขั้นตอนของกฎหมาย” จึงตีความได้ว่า คงเป็นรายละเอียดในการโอนย้ายข้าราชการตำรวจมาเป็น เลขาฯสมช. ตามที่มีกระแสข่าวว่า “พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์” รอง ผบ.ตร. จะข้ามมานั่งตำแหน่งนี้
เพราะถ้าจะตั้ง “ฉัตรชัย บางชวด” รองเลขาธิการสมช. ที่นั่งรักษาการเลขาฯสมช. หลังจาก“พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม” เกษียณอายุราชการไป เมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา ก็คงตั้งไปนานแล้ว และไม่ต้องมีขั้นตอนข้อกฎหมายด้วย เพราะเป็นลูกหม้อ ที่เติบโตมาตามสายงาน
ว่ากันว่าเบื้องลึกที่ต้อง โยก“บิ๊กรอย” ข้ามมานั่ง เลขาฯสมช. ก็เพื่อให้ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ว่างลง จะได้ดัน “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” มาเข้าไลน์ เตรียมพร้อมเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. คนต่อไป หลังจาก“บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เกษียณในเดือนกันยายนปีหน้า
หากไล่เรียงลำดับอาวุโสในระดับ “รอง ผบ.ตร.” ขณะนี้จะเห็นว่า “พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์” เกษียณปี 2567
“พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล”เกษียณ ปี 2574 และ “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์” เกษียณ ปี 2569
ขณะที่อาวุโส 5 ลำดับแรก ในระดับ “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” เป็นดังนี้ 1. พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง เกษียณ ปี 2567
2. พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช เกษียณ ปี 2567 3. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ เกษียณปี 2569 4. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข เกษียณปี 2568 และ 5. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เกษียณ ปี 2568
สองลำดับแรก คือ “พล.ต.ท.ไกรบุญ-พล.ต.ท.สราวุฒิ” คงไม่ได้ลุ้นเก้าอี้ ผบ.ตร.แล้ว เพราะจะเกษียณกันยายนปีหน้า ต่างจากสามคนหลัง คือ “พล.ต.ธนา-พล.ต.ท.ประจวบ-พล.ต.ท.ภาณุรัตน์” ที่น่าจะเข้าไปนั่ง รอง ผบ.ตร.ก่อน
ข่าววงในระบุว่า ถ้า “บิ๊กรอย” นั่งเลขาฯสมช. คนที่จะมานั่ง รอง ผบ.ตร. แทน ก็คือ “บิ๊กจวบ” พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ที่จะเกษียณในปี 2568 นั่นเอง
สำหรับ “พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข” เป็นคนจังหวัดแพร่ เกิดที่บ้านแม่ยางตาล อ.ร้องกวาง จบชั้นประถมศึกษา จากโรงเรียนบ้านแม่ยางตาล อ.ร้องกวาง ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่โรงเรียนร้องกวางอนุสรณ์ และชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่โรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่ จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่ โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน
เส้นทางสายตำรวจของ “พล.ต.ท.ประจวบ” ไต่เต้า เติบโต มาในพื้นที่ภาคเหนือมาตลอด โดยเฉพาะที่ จ.เชียงใหม่ จนมาถึงระดับ“ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5” คุมกำลังตำรวจภาคเหนือทั้งหมด ก่อนจะขึ้นมาเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในปี 2564
ในรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ช่วงที่มีการเอาจริงเอาจังกับแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งเกินราคา โดยให้ “เสกสกล อัตถาวงศ์” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะทำงานเฉพาะกิจ ก็มี “พล.ต.ท.ประจวบ” คนนี้แหละ เป็นรองประธานคณะทำงานฯ และเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ
ล่าสุดในช่วงที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เดินทางกลับมารับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา “พล.ต.ท.ประจวบ”ในฐานะผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็ได้รับภารกิจจากผู้บังคับบัญชา ให้ไปกำกับดูแลการรับตัว “ทักษิณ ชินวัตร” ตลอดเส้นทางตั้งแต่ท่าอากาศยานดอนเมือง ศาลฎีกา และเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งทุกอย่างผ่านไปด้วยความเรียบร้อย
และเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็เพิ่งได้รับมอบหมายงานจาก “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ให้เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หาก “พล.ต.ท.ประจวบ” ได้รับการแต่งตั้งเป็น รอง ผบ.ตร. ในรอบนี้ ก็ถือว่าเส้นทางในชีวิตราชการตำรวจสดใส มีลุ้นที่จะขึ้นตำแหน่ง ผบ.ตร. คนที่ 15 ในปีหน้าทันที