“ปวิน” ปรี๊ดแตก ป้อง “พิธา” สุดลิ่ม แก้ต่างทุกข้อกล่าวหา “นักเขียนซีไรต์” ปอกเปลือกล่อนจ้อน แนะ เลิกอิน แคนดิเดตนายกฯ

“ปวิน” ปริ๊ดแตก ซัด “นายแบก” จิกกัดเล็กๆ น้อยๆ “พิธา” สะท้อนความไม่มั่นคงรัฐบาล-สติผู้เขียน พร้อมยกมาโต้เป็นข้อๆ “นักเขียนซีไรต์” ปอกเปลือกล่อนจ้อน ทำตัว หิว-ล่อ-หลงกระแส แนะ เลิก “อิน” กับแคนดิเดตนายกฯ

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (31 ต.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ของ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต และผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ โพสต์ข้อความระบุว่า

“เห็นนายแบกออกมาเขียนแขวะพิธาแล้วเหนื่อยใจ นี่ไม่ได้เป็นด้อมส้มห่าเหวอะไร แต่จิกกัดแบบเล็กน้อยงี้มันสะท้อนความไม่มั่นคงของรัฐบาล และความไม่มั่นคงในสติสตางค์ของผู้เขียน โดยอีนายแบกนางนี้เขียนว่า 1) พิธาไปอเมริกา แล้วเที่ยวไปประกาศตัวว่าเป็นอดีตแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่เสร่อ บลา บลา บลา -- เสร่ออะไร ตรงไหน มันคือข้อเท็จจริง แต่ที่ดิชั้นเห็นว่าพิธาจงใจพูดแบบนั้น ก็เพราะต้องการสื่อให้ชาวอเมริกันเห็นถึงความไม่ปกติของการเมืองไทย ที่พรรคที่ได้เสียงมากที่สุด กลับถูกปฏิเสธความชอบธรรม รวมถึงความชอบธรรมของพิธาในการเป็นนายกรัฐมนตรี และ 2) พูดแซะว่า นิวยอร์กยังไม่เข้าหน้าหนาว ทำไมพิธาถึงใส่ overcoat เหมือนกับจะไปเดินแฟชั่นก็ไม่ปาน -- เออ อันนี้งง คนพูดนี่มั่นหน้ามาก เพราะตัวเองไม่มี sense ของการแต่งตัว สะเออะไปสอนคนอื่นแต่งตัว ตอนนี้ ฝั่งตะวันออกของอเมริกาเข้า Fall แล้ว และอากาศเริ่มเย็นขึ้นแล้ว และอุณหภูมิเริ่มเป็นเลขตัวเดียว ไม่แปลกเลยที่ใครๆ จะใส่ overcoat ที่สำคัญ overcoat มันมีหลายแบบ มีทั้งที่ออกแบบมาเพื่อใส่สำหรับหน้า spring/fall หรือออกแบบมาให้หนากว่านั้น ก็ใส่ช่วงหน้าหนาว ใดๆ คือไม่มีใครรู้ว่า โค้ทที่พิธาใส่อยู่เป็นแบบไหน เพราะไม่มีใครเป็นเมียพิธา จึงจะช่วยจัดเสื้อผ้าและกระเป๋าให้ผัวเพื่อเดินทางไปนอก edok”


ขณะเดียวกัน “วิมล ไทรนิ่มนวล” นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก วิมล ไทรนิ่มนวล ระบุว่า

“อยากบอกคุณพิธา” (ความเห็นส่วนตัว)

ขอบอกคุณพิธาไว้ตรงนี้...ในฐานะที่คุณเป็นบุคคลสาธารณะว่า คุณลาออกจากหัวหน้าพรรคนั้นดีแล้ว ไม่ว่าเจ้าของพรรคจะให้คุณออก หรือคุณสมัครใจออกเอง หากคุณยังเป็นหัวหน้าพรรคต่อไป คุณจะพาพรรคก้าวไกลลอยห่างจาก “ตำแหน่งของผลิตภัณฑ์” ที่จะต้องมีภาพลักษณ์ “ก้าวหน้า ทันสมัย ทรงภูมิ” มากขึ้นทุกที

นั่นเพราะคุณอยากเป็นซูเปอร์สตาร์ในทางการเมือง ไม่ว่าคุณจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม มันเป็นผลมาจากคุณหิวกระแส ล่อกระแส และหลงกระแส คุณโชว์การพูดภาษาอังกฤษ (ซึ่งก็ดี) โชว์ความหล่อ ให้สาวแก่แม่ม่ายและผู้ที่ชื่นชมคุณ เรียกคุณว่า “ท่านนายกฯ” และ “หล่อมาก - เก่งกว่าใคร” จนคุณหลงปลื้มและปรารถนาจะได้ฟังต่อไปไม่จบสิ้น

แต่คุณไม่เคยโชว์ศักยภาพเรื่อง “ความคิดความอ่าน” ในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างเป็นรูปธรรมแม้แต่น้อย ที่พูดมาก็เหมือนคุณมาจากโลกอื่น เก่งแต่สร้างวาทะ

คุณอาจจะตอบคำถามใครๆ ได้หมด และมีคนมากมายปลื้มคุณ แต่คำตอบเหล่านั้นมันล่องลอย เป็นจริงได้หรือไม่ได้ คนทั่วไปยากจะรู้ แต่คนที่่มีประสบการณ์ทางการเมืองเขารู้ ส่วนคุณจะรู้ก็ต่อเมื่อคุณลงมือทำ หรืออย่างน้อยก็ศึกษามันอย่างจริงจัง ไม่ใช่ทำตัวเป็นเทพบุตรสุดหล่อ ล่องไปลอยมา

ยิ่งคุณลอยขึ้นสูงเป็นลูกโป่งสวรรค์มากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งห่างไกลจากพรรคและความเป็นจริงมากเท่านั้น คุณจะกลายเป็น “สิ่งแปลกแยก” เป็น “วีรชนเอกชน” ที่ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากเรียกคะแนนเสียง (จากการสร้างของพรรค)


อยากบอกคุณอีกว่า คุณต้องออกจากอาการ “อิน” กับแคนดิเดตนายกฯเสียที มันจบไปแล้ว จบไปตั้งแต่คุณยืนกรานจะแก้มาตรา 112 ในสภาแล้ว ตอนนี้คุณไม่ได้เป็นอะไรแล้ว

เลือกตั้งครั้งหน้า โอกาสที่คุณจะกลับมาเป็นแคนดิเดตนายกฯเบอร์ 1 อีกนั้นยากแล้ว คุณมีเสน่ห์จริง...เสน่ห์ที่นักการเมืองอยากมี และจำเป็นต้องมีบ้าง แต่คุณใช้มันจนภาพลักษณ์ของคุณเป็นดารา ไม่ใช่นักการเมืองที่มีคุณสมบัติของหัวหน้าพรรคและนายกฯแล้ว

แม้ผมไม่เลือกพรรคก้าวไกล แต่พูดในฐานะคนนอก ผมขอบอกว่า คนที่เหมาะกับหัวหน้าพรรคและตำแหน่งนายกฯเท่าที่เห็นเวลานี้ ก็คือ “คุณชัยธวัช ตุลาธน” และอยากบอกอีกว่า เขาเหมาะกว่าคุณกับคุณธนาธรรวมกันเสียอีก

เขานิ่งและพูดน้อย จึงมีภาพลักษณ์ของผู้รู้และสุขุม ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานของคนที่เป็นผู้นำ.