“จุลพันธ์” รมช. คลัง แจ้งอนุกก.ดิจิทัลวอลเล็ต เตรียมชงนายกฯ เคาะหลักเกณฑ์ใหม่ ตัดสิทธิคนรวย แจกเงิน “ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท” สัปดาห์หน้า ยอมรับอาจไม่ทันตามกำหนดเดิม 1 ก.พ.นี้
เมื่อวันที่ 25 ต.ค. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (รมช.คลัง) ในฐานะประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการดิจิทัล วอลเล็ต ครั้งที่ 2 ว่า ในที่ประชุมมีข้อสรุป กรณีรัศมีการใช้ดิจิทัล วอลเล็ต ใช้ได้ภายในอำเภอ จากเดิมกำหนดให้ใช้ในรัศมี 4 กม. เนื่องจากเป็นพื้นที่ไม่ใหญ่เกินไป มีร้านค้าเพียงพอรองรับการใช้จ่าย
ต้องยอมรับว่า ในที่ประชุมยังมีความเห็นแตกต่างในเงื่อนไขในอีกหลายประเด็น ที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ เช่น กลุ่มที่จะได้รับสิทธิ์ โดยมาตรการนี้ มีข้อเสนอเป็น 2 ส่วนด้วยกัน โดยส่วนหนึ่งตั้งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจ จึงต้องการคนมาเข้าร่วมจำนวนมาก ในขณะที่อีกส่วนเสนอให้เอากลุ่มคนรวยออก เพราะคนรวยจะไม่นำเงินส่วนนี้ไปใช้ในลักษณะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะนำเงินไปออม ดังนั้นคณะทำงานต้องหาคำจำกัดความ
ทั้งนี้ จะมีการให้คณะกรรมการตัดสินใจ 3 ทางเลือกด้วยกัน คือ
1. ให้สิทธิ์เฉพาะผู้ยากไร้ ที่มีอยู่ราว 15-16 ล้านคน โดยใช้ฐานข้อมูลจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้งบประมาณราว 1.5 แสนล้านบาท
2. ตัดกลุ่มผู้มีเงินเดือนเกิน 25,000 บาท และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากเกิน 1 แสนบาทออก เหลือผู้ได้สิทธิ์ 43 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.3 แสนล้านบาท
3. ตัดกลุ่มผู้มีเงินเดือนเกิน 50,000 บาท และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากเกิน 5 แสนบาทออก เหลือผู้ได้สิทธิ์ 49 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.9 แสนล้านบาท
"เมื่อมีความเห็นต่าง เป็นหน้าที่ คณะกรรมการชุดใหญ่ตัดสินใจ คณะอนุกรรมการ จะไปดูแต่ละกลุ่มครอบคลุมเท่าไหร่ และเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ตัดสินใจรายละเอียด"
อย่างไรก็ตาม อนุกรรมการฯ เป็นเพียงผู้รวบรวมและนำเสนอแนวทาง เพื่อนำเสนอ คณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณา ภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับประเด็นของแหล่งเงิน ที่จะใช้ในการดำเนินการนั้น ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงในหลายแนวทาง ทั้งการกู้เงิน ใช้งบประมาณแผ่นดิน หรือกลไกอื่น เช่น มาตรการกึ่งการคลัง
ในส่วนของการกู้เงินเพื่อมาใช้ในโครงการนั้น ก็จะบรรจุในแนวทางที่จะเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาด้วยเช่นกัน แต่ยืนยันว่าจะเป็นทางเลือกท้าย ๆ เช่นเดียวกับการใช้มาตรการกึ่งการคลัง ผ่านมาตรา 28 พรบ. วินัยการเงินการคลัง โดยยืนยันไม่ใช้เงินจากธนาคารออมสิน เพราะติดปัญหาด้านกฎหมาย
สำหรับการยืนยันตัวตน เป็นไปตามสิทธิ์ ครอบคลุมทั้ง บุคคลธรรมดา นิติบุคคล กองทุนหมู่บ้าน และวิสาหกิจชุมชน ใช้จ่ายได้ประเภทสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก ส่วนระบบการขึ้นเงินได้ร้านค้าระบบภาษี 3 ประเภท ทั้งร้านค้าในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT เงินได้นิติบุคคล และ บุคคธรรมดา
นอกจากนี้ นายจุลพันธุ์ ยังยอมรับว่าแนวโน้มการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท น่าจะดีเลย์ในระดับหนึ่ง จากเดิมกำหนดวันที่ 1 ก.พ.2567 แต่มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น ในเรื่องความปลอดภัย กระบวนการทดสอบระบบก็มากขึ้น ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่นั้นขอพิจารณาก่อน