xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.ฟอกเงิน สอบหุ้นสตาร์ค ตั้งอนุฯ คุ้ยการเงิน ก.ล.ต.ไร้อำนาจชง DSI สกัดเงินออกนอกไทย จ่อคุย ปปง.ไม่ขยับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กมธ.ฟอกเงิน ประเดิมสอบหุ้นสตาร์ค จ่อตั้ง อนุฯ กมธ.ล้วงลึกเส้นทางเงิน หลัง ก.ล.ต.แจงต้องทำเรื่องขอ อ้างไม่มีอำนาจอายัดเงิน ต้องส่ง DSI สกัดเงินออกนอกประเทศ จ่อเรียก ปปง.เหตุยังนิ่ง มอบ “สีหนาท” ตามทางฟอกเงิน มั่นใจผลงานจากเคส “ราเกซ” ผู้เสียหายตั้งกลุ่มร้อง วอนตั้งกองทุนเยียวยา พร้อมฟ้องแบ่งค่าเสียหาย

วันนี้ (18 ต.ค.) ได้มีการคณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด (ปปง.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการ โดยมีวาระพิจารณากรณีหุ้น Stark หรือ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยเชิญผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ นายเลิศศักดิ์ กล่าวภายหลังประชุมว่า วันนี้ตัวแทน ก.ล.ต.ให้ข้อมูลในภาพรวม ซึ่ง กมธ.พยายามเจาะลึกลงไปถึงการอายัดทรัพย์ เพราะเห็นว่าข้อมูลที่มีอยู่ยังไม่มีความชัดเจน แต่ ก.ล.ต.ไม่ให้สามารถให้รายละเอียด โดยอ้างว่า ต้องทำเรื่องขอข้อมูลไปยัง ก.ล.ต.ดังนั้น ในเรื่องข้อมูลจึงยังไม่สามารถจบได้ โดยสัปดาห์หน้าหลังจากเชิญตัวแทนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาชี้แจงแล้ว กมธ.จะสามารถเจาะลึกลงไปถึงเส้นทางการเงินได้ว่าเป็นอย่างไร ใครจะมีอำนาจในการอายัดทรัพย์ และถ้าอายัดแล้วติดตามไปถึงไหน ซึ่งน่าเห็นใจว่า ก.ล.ต.ไม่สามารถเข้าไปเจาะลึกได้ ขณะที่ ปปง.เอง ที่มีบทบาทโดยตรงแต่ก็ยังไม่มีแอคชันอะไรออกมา ซึ่งแต่ต่างจากกรณี้หุ้นมอร์ ที่มีการปั่นหุ้น เมื่อเจอความผิดปกติ และแจ้งมาที่ ปปง.ก็สามารถอายัดก่อนที่จะมีการโอนจ่ายเงินก่อนได้และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย อย่างไรก็ตาม กรณีหุ้นสตาร์ค น่าจะมีการร้องไปที่ ปปง.แล้ว โดย กมธ.จะซักถามว่ามีใครเป็นผู้ร้อง และ ปปง.ได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง

นอกจากนี้ ตัวแทน ก.ล.ต.ยังชี้แจงว่า ได้แจ้งไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้ดำเนินการอายัดและห้ามออกนอกประเทศ ซึ่งตนมองว่าเป็นการดำเนินการที่ล่าช้าเกินไป แต่ ก.ล.ต.ชี้แจงว่า เป็นความคิดเห็นของแต่ละคน เพราะต้องพิจารณาถึงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ถูกกล่าวหา เพราะจะกลายเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แต่ กมธ. ก็เห็นใจผู้เสียหายซึ่งเป็นนักลงทุน จึงอยากให้ดำเนินการโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม หลังจากเชิญ ปปง.มาชี้แจงแล้ว และเห็นว่า เรื่องยังไม่จบจะมีการตั้งอนุฯ กมธ.ขึ้นมาพิจารณาตรวจสอบเชิงลึกว่าเส้นทางเงินไปทางไหน และจะติดตามทวงคืนอย่างไร ซึ่ง อนุฯ กมธ.จะมีอำนาจเต็มในการเรียกข้อมูลจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งให้เปิดเผยต่อสาธารณชน

“เราจะพยายามหาข้อสรุปให้เร็ว เพราะขณะนี้เกิดความเสียหายจำนวนมาก และบางคนหนีออกนอกประเทศไปแล้ว โดยตนได้แต่งตั้ง พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ อดีตเลขาธิการ ปปง.ซึ่งมีประสบการณ์ในการติดตามเส้นทางการเงินของ นายราเกซ สักเสนา อดีตผู้บริหารบีบีซี เพราะเส้นทางเงินคงไม่ต่างกันมาก จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะการติดตามเส้นทางการเงินปัจจุบันไม่ลำบากเหมือนในอดีต ผมจึงเชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูง และจะใช้เวลาเร็วกว่าในอดีตที่ผ่านมา แต่ก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพราะเราไม่มีหน้าที่ดำเนินการติดตามตรวจสอบ ทำได้เพียงจี้ไปยังหน่วยงานเหล่านั้น ว่าดำเนินการไปถึงไหน และเร่งรัดเขา โดยจะมีการรายงานไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.คลัง ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องตลาดทุนด้วย เราก็อยากเห็นตลาดทุนไทยมีความน่าเชื่อถือและมั่นคง ไม่อยากให้ปัญหานี้เกิดขึ้น ซึ่ง อนุฯ กมธ.ต้องศึกษาด้วยว่าควรจะมีการศึกษาแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องบางเรื่องหรือไม่เพื่อช่วยระงับความเสียหายของนักลงทุนให้เร็วขึ้น” นายเลิศศักดิ์ กล่าว

ต่อมา นายเลิศศักดิ์ พร้อมคณะ ได้รับหนังสือจากตัวแทนกลุ่มรวมพลังหุ้นกู้ Stark นำโดย นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการและทนายความ เพื่อขอให้สภา และ ก.ล.ต.ติดตามแก้ไขปัญหาหุ้นสตาร์คโดยเร่งด่วน โดยทางกลุ่มพร้อมให้การสนับสนุนให้ข้อมูล ความคิดเห็น พร้อมส่งตัวแทนกลุ่มในฐานะผู้เสียหายเข้าร่วมในการตรวจสอบของ กมธ. พร้อมทั้งขอให้พิจารณาจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหาย หรือประสานรวบรวมข้อมูลและบูรณาการการทำงานจากหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ เพื่อคืนความเป็นธรรม และฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กับระบบกฎหมายและระบบตลาดเงินตลาดทุนของประเทศ

นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ทางกลุ่มจะเดินหน้าฟ้องดำเนินคดีเพื่อฟ้องแทนผู้เสียหายทุกคน หรือที่เรียกว่าการดำเนินคดีแบบกลุ่ม โดยหากชนะจะขออนุญาตศาลให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแบ่งค่าเสียหาย โดยรายละเอียดต่างๆ จะมีการเปิดเผยต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น