xs
xsm
sm
md
lg

“สมศักดิ์” แสดงความยินดีประธานศาลฎีกาคนใหม่ ชงตั้งศาลอุทธรณ์คดียาเสพติด หวังพิจารณาคดีเร็วขึ้น-ยึดทรัพย์ได้ทัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“รองนายกฯ สมศักดิ์” เข้าแสดงความยินดี “ประธานศาลฎีกา” เนื่องในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ ชงตั้งศาลอุทธรณ์คดียาเสพติด หวังพิจารณาคดีเร็วขึ้น-ยึดทรัพย์ได้ทัน ผู้ค้ายาไม่ขนหนีไปก่อน ย้ำ รัฐบาล เน้นยึดอายัดทรัพย์ ชี้ เป็นการแก้ปัญหาแบบถึงแก่นแกน

วันที่ 17 ตุลาคม 2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้เข้าพบ นางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกา โดยมี นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายเรืองศักดิ์ สุวารี ว่าที่อธิบดีกรมคุมประพฤติ นายอุทัย สินมา อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด และ นายกิตติกร โล่ห์สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เข้าร่วมที่ศาลฎีกา เพื่อร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานศาลฎีกา

โดย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนางอโนชา เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานศาลฎีกา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ซึ่งตนขอให้งานที่ตั้งใจขับเคลื่อนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยการที่ตนพร้อมคณะ มาเข้าพบในวันนี้ เพราะต้องการขอปรึกษาหารือถึงแนวทางการพิจารณาคดียาเสพติด เนื่องจากปัจจุบันผู้ต้องขังในเรือนจำกว่า 85% เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด ตนจึงอยากให้ช่วยยกระดับให้คดียาเสพติด เป็นคดีสำคัญ ซึ่งถ้าท่านประธานศาลฎีกา จะกรุณาแยกคดี เป็นศาลอุทธรณ์คดียาเสพติด ก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้รัฐบาล แก้ปัญหายาเสพติดได้คล่องตัวขึ้น


นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาล ได้เน้นการยึดอายัดทรัพย์ของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ดังนั้น ถ้ามีการแยกคดี และพิจารณาด้วยความรวดเร็ว ก็จะสามารถยึดอายัดทรัพย์ของผู้กระทำผิดไว้ได้ทัน ไม่เปิดโอกาสให้มีการโยกย้ายทรัพย์หนี รวมถึงกฎหมายยาเสพติดใหม่ ได้ให้ความสำคัญกับการยึดอายัดทรัพย์ ซึ่งต้องมีการขยายผลคิดตามมูลค่า Value-based หรือ คำนวนทรัพย์ตามความผิดที่เคยกระทำทั้งหมด โดยจะเป็นการช่วยตัดวงจรการค้ายาเสพติดได้ ซึ่งตนมองว่า เป็นการแก้ปัญหายาเสพติดแบบถึงแก่นแกน เพราะก่อนตนขับเคลื่อนเรื่องนี้ ในแต่ละปีอายัดได้ไม่เกิน 900 ล้านบาท และยึดทรัพย์ได้ไม่เกิน 20 ล้านบาท แต่หลังตนเข้ามาขับเคลื่อน ก็สามารถยึดอายัดปีสุดท้ายได้กว่า 3 หมื่นล้านบาท เพราะมูลค่ายาเสพติด สูงถึง 2 ล้านล้านบาท ตนจึงให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และขอยืนยันว่า พร้อมสนับสนุนในเรื่องกฎหมาย ในการผลักดันเป็นศาลอุทธรณ์คดียาเสพติด

ขณะที่ นางอโนชา กล่าวว่า คดียาเสพติด ไม่ว่าศาลใด ก็ให้ความสำคัญ เพราะเป็นคดีส่วนใหญ่ของเรา ดังนั้น จึงมีการคิดว่า ต้องเตรียมความพร้อมรับคดีเหล่านี้ โดยเพื่อความรอบคอบ ตนมองว่า ควรมีแผนกคดียาเสพติด เพราะการมีแผนกคดียาเสพติด จะเป็นการรวบรวมผู้พิพากษา ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องยาเสพติดทั้งหมด มาอยู่ด้วยกัน ซึ่งจะสามารถช่วยกันปรึกษาหารือในคำพิพากษาได้ โดยจะทำให้เกิดความรอบคอบมากยิ่งขึ้น ซึ่งการตั้งแผนกคดียาเสพติด ไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากเป็นเรื่องภายใน ส่วนแนวคิดการแยกคดียาเสพติด เป็นศาลอุทธรณ์คดียาเสพติด เมื่อตนได้ยินท่านรองนายกรัฐมนตรีเสนอ ก็รู้สึกดีใจ เพราะเรื่องนี้ไม่สามารถทำได้โดยลำพัง ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติด้วย




กำลังโหลดความคิดเห็น