“พล.อ.ประจิน” ชงญัตติให้ วุฒิสภา พิจารณาตั้ง กมธ.ซอฟต์พาวเวอร์ สัปดาห์หน้า ประกบติดการทำงานของรัฐบาล หลังพบบางกลุ่มยังด้อยค่าวัฒนธรรม-ประเพณีไทย
วันนี้ (8 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภา ในวันที่ 10 ต.ค. พล.อ.ประจิน จั่นตอง ส.ว. ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาและพิจารณาเสนอแนะแผนกลยุทธ์การส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นญัตติแรกของ ส.ว.ที่เสนอขึ้นเพื่อให้ทำงานคู่ขนานไปกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ซึ่งล่าสุด ได้ตั้งคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ตามคำสั่งนายกฯ ทที่ 230/2566 ลงวันที่ 13 ก.ย. 2566
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเหตุผลของการเสนอญัตติดังกล่าว พล.อ.ประจิน ระบุไว้ตอนหนึ่งในเอกสารว่ารัฐบาลปัจจุบันให้ความสำคัญกับการสร้างพลังสร้างสรรค์ตามการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา แต่พบว่า มีคนบางกลุ่มพยายามด้อยค่าวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาติ ประกอบกับความท้าทายด้านเทคโนโลยีสื่อสารและการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เป็นความจำเป็นเร่งด่วนในสังคมที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม จึงควรหาแผนกลุยุทธ์การส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงแห่งชาติ
ขณะที่วัตถุประสงค์ของการเสนอตั้ง กมธ.วิสามัญชุดดังกล่าว เพื่อศึกษาข้อมูล องค์ความรู้ปัจจัยความสำเร็จในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ รวมถึงวิเคราะห์สังเคราะห์ และสรุปข้อมูลที่ได้รับ ทำเอกสารเสนอต่อวุฒิสภา เพื่อเสนอความเห็นชอบส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการ พร้อมเสนอเวลาดำเนินการ 90 วัน โดยตั้ง กมธ.วิสามัญ 1 คณะ มี ส.ว.ร่วมเป็น กมธ. 15 คน และบุคคลภายนอก 8 คน ประกอบด้วย ตัวแทนของพิพิธภัณฑ์มิวเซียมสยาม, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน), สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ, สมาคมภัตตาคารไทย, กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์, สมาคมศิลปินไทย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, การกีฬาแห่งประเทศไทย,
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในข้อเสนอญัตติดังกล่าวยังได้ระบุถึงการสานต่อเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ซี่งเน้นการนำอัตลักษณ์ท้องถิ่น พัฒนาซอฟต์พาวเวอร์เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทั้งสินค้าวัฒนธรรม การส่งออกอาหารไทย อุตสาหกรรมคอนเทนต์ ภาพยนตร์ ละคร แอนิเมชัน รายได้จากผ้าไทย รายได้จากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เป็นต้น