“เศรษฐา” ตั้งเป้าลดค่าไฟลงมาเหลือเลข 3 บอกดิจิทัลวอลเล็ต จ่ายทุกหัวเมือง เล็งปรับภาษีมรดก แม้มีคนไม่พอใจ คาดได้ 3.5 หมื่น ล.จากฟรีวีซ่าจีน-คาซัคฯ ยันเข้มมีแบล็กลิสต์ ค่ารถไฟฟ้า 20 เริ่มทำงานแล้ว พร้อมเน้นย้ำภาคธุรกิจถึงความพร้อมไทยหลายด้าน
วันนี้ (18 ก.ย.) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ ห้องประชุม ชั้น 9 สำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ร่วมเสวนาในหัวข้อ “Future Perfect เปิดมุมคิด พลิกอนาคต” ในงานเสวนา Thairath Forum 2023 โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ว่า จะหารือกับผู้ว่าฯ ปตท. เพื่อเจรจาเรื่องค่าไฟฟ้าที่ขณะนี้สามารถปรับลดไปอยู่ที่ 4.10 บาทต่อหน่วย ซึ่งอยากให้ลดลงอีก ซึ่งจะได้สั่งการและเจรจาให้แตะลงมาถึงเลข 3 หากได้รับความร่วมมือก็อาจจะได้เห็นเร็วขึ้น นายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงการผลักดันเรื่องการท่องเที่ยว ที่จะเป็นเรื่องสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะที่ ครม. อนุมัติวีซ่าฟรี ให้นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานไปแล้ว ซึ่งคาดว่า จะได้เงินเข้าประเทศจากวีซ่าฟรีประมาณ 35,000 ล้านบาท นอกจากนี้ คาดว่า ในช่วงปลายปี จะมีโอกาสเดินทางไปเยือนประเทศอินเดีย เพื่อหารือเรื่องเที่ยวบินในการรองรับนักท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ ส่วนประเด็นเรื่องทุนจีนสีเทาที่หลายฝ่ายกังวล ให้ฝ่ายความมั่นคงไปดูแล ซึ่งการที่วีซ่าฟรีไม่ได้หมายความว่า จะให้กับกลุ่มที่มีแบล็กลิสต์ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเจ้าหน้าที่ก็จะต้องเข้มงวดต่อไป การมีนโยบายดีๆ ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ หากยังมีปัญหาเก่าอยู่ ซึ่ง ปัญหาเก่าก็ต้องสะสางกันไป
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันจะดำเนินการให้ได้ ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ไม่ต้องเถียงกันว่า เป็นประชานิยมหรือไม่ เพราะหลายรัฐบาลก็มีการทำเรื่องนี้มา เพื่อนำเงินใส่กระเป๋าให้กับประชาชน ซึ่งเรื่องนี้จะต้องพูดคุยรายละเอียด ทั้งเรื่องของระยะทางที่อยากให้มีการจับจ่ายในหัวเมืองต่างๆ ของแต่ละจังหวัด ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ในระยะสั้น เชื่อว่า ก่อนที่ตนจะประกาศความชัดเจนว่าจะเริ่มเมื่อใด น่าจะมีการเร่งผลิตและการจ้างงานเพื่อมารองรับ รวมถึงแนะให้ผู้ประกอบการทำการตลาด เพื่อทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี ทั้งนี้ ตัวชี้วัดของนายกรัฐมนตรี คือ ระยะเวลา และตัวเลข GDP ส่วนในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ คือ หนึ่งในมาตรการระยะสั้นที่รัฐบาลให้ความสำคัญ นอกเหนือจากการลดค่าใช้จ่าย ก็คือเพิ่มรายได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี เชื่อว่า ก่อนปีใหม่ ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2566 คาดว่า จะสามารถประกาศค่าแรงขั้นต่ำได้ และต้องดูตามความเหมาะสม เพราะหลายภาคส่วนก็มากกว่าขั้นต่ำอยู่แล้ว โดยรัฐบาลได้มีการพูดคุยกับ SMEs ภาคอุตสาหกรรมบ้างแล้ว ซึ่งถ้าเห็น Roadmap ของรัฐบาลในการเพิ่มรายได้ การเปิดตลาดใหม่ๆ และมีมาตรการต่อเนื่องเป็นระยะ ก็จะมีแรงจูงใจ รัฐบาลก็สามารถประกาศได้อย่างมั่นใจ เพราะภาคเอกชนก็ส่วนสำคัญ ต้องมองให้ครบทุกมิติ รัฐบาลเข้าใจ และขอรับข้อมูลให้ครบทุกส่วนก่อน เพื่อได้สั่งการอย่างเหมาะสม และมีแผนที่ชัดเจนออกมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีคาดว่า น่าจะได้แผนช่วงปีใหม่
ส่วนเรื่องราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คาดว่า หากทำภายใน 3 เดือน อาจจะยาก แต่จะเริ่มดำเนินการในทันที โดยได้พูดคุยกับนักกฎหมาย จากปัญหาสะสมมานาน ทั้งเรื่องค้างค่าใช้จ่ายกับภาคเอกชน การประมูลสายสีส้ม การเชื่อมต่อระบบ การใช้ตั๋วใบเดียว ซึ่งหลายสายที่ได้ไปดูมามีรูปแบบการขึ้นรถต่างกัน พร้อมยืนยันว่าได้เริ่มทำงานแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม UNGA78 ที่สหรัฐฯ จะมีการพูดคุยเรื่องจับคู่ธุรกิจ นำการลงทุนมายังประเทศไทยมากขึ้น เพื่อสานต่อการทำงาน ดึงดูดการลงทุน โดยนายกฯ มองว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งทั้งในเรื่องทำเลที่ตั้ง ความพร้อมด้านโครงสร้างสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งสนามบิน ท่าเรือ ความพร้อมของกฎหมาย และรัฐบาลพยายามปรับปรุงให้เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น ภาคเอกชนไทยแข็งแกร่ง โดยจะเน้นย้ำให้ภาคธุรกิจเห็นถึงความพร้อมของไทยในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องโรงพยาบาลที่มีความพร้อม และมีศักยภาพ โรงเรียนนานาชาติ รวมถึงคนไทยอัธยาศัยดี สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยงาม
นายเศรษฐา ยังกล่าวในประเด็นแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ว่า ได้พูดคุยกับอธิบดีกรมสรรพากรคนใหม่ ทั้งในเรื่องภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือน ภาษีมรดก ภาษีลดความเหลื่อมล้ำทั้งหลาย ซึ่งภาษีมรดก เก็บได้ประมาณ 200 ล้านต่อปี ซึ่งมองว่า เป็นเชิงสัญลักษณ์มากเกินไปและอาจมีหลายคนไม่พอใจ ถ้าตนจะไปขุดขึ้นมาใหม่
ทั้งนี้ หลักการของภาษี คือ มีรายได้มาก็ต้องจ่ายภาษี ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากอะไร ในอัตราที่เหมาะสม ส่วนกรณีปลัดกระทรวงการคลัง มีการเซ็นกฎหมายเกี่ยวกับการลงทุนในต่างประเทศ ถ้านำเงินกลับเข้ามาต้องเสียภาษี เริ่มต้น 1 มกราคม ซึ่งเป็นนโยบายที่ดีมาก ต่อยอดมาจากรัฐบาลที่แล้วที่ดูแลเรื่องความเหลื่อมล้ำ รัฐบาลจะมีออกมาเรื่อยๆ โดยยึดหลักว่าต้องตอบโจทย์และยุติธรรมกับทุกฝ่าย