ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ถอดบทเรียน “กำนันนก-กำนันเอ๋ ทุ่งลม” “ตำรวจใจมด” สายกิน สายเสี่ย สายเลีย vs "ตำรวจหัวใจเสือ"
ผลของคดี "พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว" ถูกยิงสังหาร กับ อิทธิพลบารมี "กำนันนก" ประวีณ จันทร์คล้าย กำลังคลี่คลายไปสู่จุดที่สังคมเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ว่าจะออกมาแบบไหน ?
“กำนันนก” วันนี้อยู่ในคุกเพราะไม่ขอประกันตัว นายตำรวจน้อยใหญ่ที่เคยพัวพันรับใช้กว่า 20 คน 6 คนถูกเช็คบิล ที่เหลือรอพิสูจน์ความเชื่อมโยง ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นความอัปยศอดสู ในวงการสีกากีที่ต้องถูกพูดถึงไปอีกนาน
แน่นอนว่า เรื่องของตำรวจกับผู้มีอิทธิพล นี่ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ซึ่งถ้าถอดบทเรียนได้ ก็จะเป็นคุณูปการต่อสังคม
จากคดีที่เกิดขึ้น มองในมุมของตำรวจด้วยกัน มีข้อคิดของ "พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์" คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Aek Angsananont อาลัย “พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว” โดยนำข้อความจากอดีตนายตำรวจเพชรบุรีคนหนึ่งเขียนไว้ เพื่อเป็นข้อเตือนใจให้กับผู้บังคับบัญชา ที่มีอำนาจในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจทุกคน
ถือว่าน่าสนใจยิ่ง
ข้อความในโพสต์ของ “พล.ต.อ.เอก” ได้ยกตัวอย่าง "กำนันนก" นครปฐม เทียบกับคดี " กำนันเอ๋ ทุ่งลม" หรือ เสถียร ชวนรัก กำนันคนดังตำบลโพไร่หวาน เพชรบุรี ว่าเป็น “ความเหมือนที่แตกต่าง…"
6 กันยายน 2566 “กำนันนก” หรือนายประวีณ จันทร์คล้าย จัดงานเลี้ยงในบ้านที่ จ.นครปฐม มีตำรวจเข้าร่วมงานเกินกว่า 20 คน มีทั้งระดับผู้กำกับการ รองผู้กำกับการ สารวัตร รองสารวัตร และชั้นประทวน
แล้วเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นก็ได้เกิดขึ้น เมื่อ "หน่อง ท่าผา" หรือ ธณัญชัย หมั่นมาก ลูกน้องมือขวาของกำนันนก ชักปืนจ่อยิง “พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว” สว.ส.ทล.1บก.ทล.เสียชีวิตในงานเลี้ยงเพราะเหตุที่ “กำนันนก”ไม่พอใจสารวัตรทางหลวงหนุ่มนายนี้ที่ไม่ย้ายสับเปลี่ยนหน้าที่ให้ตำรวจทางหลวงที่เป็นคนใกล้ชิดของกำนันนก
นอกจากความเหิมเกริมของมือปืน และกำนันนก ที่สร้างความสูญเสียให้กับครอบครัวของ “พ.ต.ต.ศิวกร” แล้วสิ่งที่สร้างความเสื่อมเสียและสิ้นศรัทธาในองค์กรตำรวจซ้ำคือ เพื่อน พี่น้องข้าราชการตำรวจ ที่อยู่ในงานเลี้ยงกว่า 20 ชีวิต
ปล่อยให้ “กำนันนก”และ “หน่อง ท่าผา” หลบหนีไปต่อหน้าต่อตาอย่างลอยนวล
“กำนันนก”หลบหนีไปตั้งหลักแล้วค่อยๆโผล่มามอบตัว พร้อมปฏิเสธว่าไม่มีส่วนในการสั่งให้ “หน่อง ท่าผา” ยิงสารวัตรศิวกร
ส่วน “หน่อง ท่าผา” ถึงจะหลบหนีไป และต่อมาใน 8 กันยายน 2566 เวลาประมาณตี 5 หลังก่อเหตุเพียง 2 วัน จะถูกวิสามัญฆาตกรรมตายตกไปตามกันก็ตาม
แต่ถ้ามีการจับกุม และควบคุมตัวทั้งกำนันนก และ หน่อง ท่าผา ได้ตั้งแต่ขณะเกิดเหตุ แยกตัวกันเค้นสอบสวน หาความจริง และการเชื่อมโยงของการฆ่า รักษาสถานที่เกิดเหตุ จัดเก็บพยานหลักฐานตามมาตรฐานของงานพิสูจน์หลักฐาน จะปรากฏความจริงและพยานหลักฐานที่ชัดเจน
ย้อนกลับไปที่ จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2561 "โกรวย" หรือ สำรวย ทับคล้าย เสี่ยโรงงานลูกชิ้นดัง “โกรวย” ได้จัดงานเลี้ยงที่บ้านใน ต.นาวุ้ง อ.เมืองเพชรบุรี ซึ่ง "กำนันเอ๋ ทุ่งลม" หรือ เสถียร ชวนรัก กำนันตำบลโพไร่หวาน เข้าร่วมในงานเลี้ยงด้วย
อดีตกำนันเอ๋ทุ่งลม ชื่อชั้นในวงการนักเลงเมืองเพชร จัดว่าเคยได้รับเกียรติ ติดบัญชีผู้มีพฤติการณ์ควรเฝ้าระวังของตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี และภาค 7 ซึ่งต่อมาได้รับการเลือกตั้งเป็นกำนัน
ในงานเลี้ยงบ้าน “โกรวย” ก็มีตำรวจน้อยใหญ่ เข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยและมี “ร.ต.อ.กดชา บันเทิงจิตร” รอง สวป.สภ.เมืองเพชรบุรี กับเจ้าหน้าที่สายตรวจเพียง 4-5 นาย ทำหน้าที่รักษาความสงบในพื้นที่
พอช่วงดึกๆหน่อย จะด้วยความเมา หรือความกร่างของ “กำนันเอ๋ ทุ่งลม” ก็ได้ประกาศศักดาชักปืนออกมายิงโชว์หลายนัด
แม้ “ผู้กองกดชา”จะเป็นตำรวจบ้านนอก ยศเพียงร้อยตำรวจเอก กับลูกน้องสายตรวจชั้นประทวนไม่กี่คน หากแต่มีหัวใจ สายเลือดและจิตวิญญาณของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ก็เข้าหยุดความกร่างของ “กำนันเอ๋” ผู้ละเมิดกฎหมาย โดยเข้าจับกุมในทันที มิได้เกรงกลัวอิทธิพลกำนันดังแต่อย่างใด เป็นการทำหน้าที่ด้วยสำนึกความรับผิดชอบ
จน “กำนันเอ๋ ทุ่งลม” ถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม และได้รับโทษตามกฎหมาย ถูกปลดจากตำแหน่งกำนันไปตามวิถีที่ควรจะเป็น
เหตุการณ์ใน จ.เพชรบุรี กับ จ.นครปฐมเป็นความเหมือนที่แตกต่าง!
เหมือนกันที่มีกำนันและตำรวจ ซึ่งเป็นคนในเครื่องแบบเกี่ยวข้องทั้ง 2 เหตุการณ์
เหมือนกันที่เหตุเกิดในงานเลี้ยงของบ้านผู้มีจะกิน
แต่ต่างกันตรงที่ หัวใจ ความกล้าหาญและการมีจิตสำนึกในหน้าที่ ที่จะต้องรับผิดชอบ ของตำรวจ 2 สาย
ที่บ้านกำนันนก “ตำรวจสายกิน” ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มียศ แต่ขาดบารมี ถ้ามีบารมี “หน่อง ท่าผาและกำนันนก” ต้องเกรงใจ ไม่เกิดเหตุร้ายแน่นอน
แถม “ใจมด” ปล่อยให้มือปืนยิงเพื่อนต่อหน้าต่อตา นอกจากไม่ตอบโต้ ไม่จับกุม ยังปล่อยให้หนีลอยนวล
แถมมีข่าวเรื่องการทำลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอีก
ที่บ้านโกรวย “ตำรวจสายตรวจ” มีความกล้าหาญ มีจิตวิญญาณตำรวจ สำนึกในหน้าที่มีความรับผิดชอบ ไม่เกรงอิทธิพล “กำนันเอ๋ ทุ่งลม” ที่กร่างยิงปืนประกาศศักดา เข้าจับกุมในทันที ป้องกันความเสียหาย ขจัดคนไม่ดีให้หมดอำนาจ ตัดเสี้ยนหนามของแผ่นดินไปอีก 1 ราย ประชาชนอุ่นใจ และศรัทธาตำรวจ
สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับจิตวิญญาณตำรวจ พอจะส่งสัญญาณเตือนผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจในวงการตำรวจได้ไหมว่า นานแค่ไหนแล้วที่องค์กรตำรวจปล่อยให้ตำรวจที่ไม่ควรเติบโต ได้เติบโตก้าวหน้า และทอดทิ้งให้ตำรวจของประชาชน
แบบ “ผู้กองกดชา” และอีกหลายๆคนย่ำซอยเท้าอยู่กับที่ ไม่มีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่ เพื่อเป็นตัวอย่าง “ตำรวจหัวใจเสือ” ไปเป็นผู้นำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อปกป้องดูแลประชาชน
อย่าเพิกเฉยกับการส่งเสริม “ตำรวจหัวใจมด ” ที่ถนัดสายกิน สายเสี่ย สายเลีย ให้เติบโตจนองค์กรขาดศรัทธา
นี่ก็ใกล้ฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายแล้ว สนับสนุนตำรวจของประชาชนให้มีความเจริญก้าวหน้าบ้าง เพื่อเขาเหล่านั้นจะได้ไปดูแลประชาชน และกอบกู้ศักดิ์ศรีของตำรวจให้พ้นเงื้อมมือโจร !!!
นี่เป็นข้อคิด ถอดบทเรียนสองเหตุการณ์ที่ “พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์” ขอให้เป็นบทเรียนสุดท้ายสำหรับพี่น้องข้าราชการตำรวจ ซึ่งจะเป็นจริงได้หรือไม่ มีแต่ตำรวจเท่านั้นที่จะเป็นผู้ให้คำตอบ
**"บิ๊กทิน"หัวจะปวด มือดีปล่อยตั้ง "พายัพ ชินวัตร" น้องชาย "โทนี่ วู้ดซั่ม" และลูก ช่วยปรึกษางานกลาโหม
เป็นตำบลกระสุนตกอย่างแท้จริงสำหรับ "สุทิน คลังแสง" รมว.กลาโหม นอกจากเป็นพลเรือนที่ต้องมาว่าการกระทรวงเหล่าทัพ ว่ายากลำบากแล้ว ยังไม่ทันได้ทำงานอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ก็ปรากฏกระแสเรื่องนู้นเรื่องนี้เรื่องนั้น เข้ามาอยู่ตลอดเวลา เล่นเอาเจ้าตัวหัวจะปวดรายวัน
ที่ทำให้ว้าวุ่นหนัก สะดุ้งโหยง ก็กรณี "เอกสารหลุดว่อนเน็ต" ว่าตั้งตระกูล "ชินวัตร" เข้ามาช่วยงาน รมว.กลาโหม
เอกสารหลุดที่ว่า เป็น ร่างคำสั่งกระทรวงกลาโหม เรื่องแต่งตั้งประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เลขานุการประจำตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ในจำนวนนี้ ปรากฏชื่อ "พายัพ ชินวัตร" แกนนำพรรคเพื่อไทยที่ดูแลภาคอีสาน น้องชาย "โทนี่ วู้ดซั่ม" ทักษิณ ชินวัตร นักโทษชาย ที่กำลังใช้กรรมอยู่ในคุก เป็นประธานที่ปรึกษา รมว.กลาโหม
และ "พอพงษ์ ชินวัตร" บุตรชาย นายพายัพ เป็นเลขานุการประจำตัว รมว.กลาโหม
แม้ เอกสารดังกล่าว ยังไม่พบการลงนามโดย "บิ๊กทิน" รมว.กลาโหม.แต่ดรามา และเสียงก่นด่า ก็ตามมาเป็นพรวน
ร้อนถึง “สุทิน” ต้องโพสต์เฟซบุ๊ก สุทิน คลังแสง ดับไฟ โดยยืนยันว่า ยังไม่มีการแต่งตั้ง หรือเตรียมแต่งตั้งใครเลย เพราะ ณ เวลานี้ยังไม่สามารถสั่งราชการได้ เพราะต้องรอกระบวนการตามกฎหมาย คือ ต้องหลังจากการแถลงนโยบายต่อสภาเสร็จสิ้นสมบูรณ์
“สุทิน” สรุปว่า เอกสารเรื่องการแต่งตั้งหรือการเตรียมแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ เป็น "ของปลอม" ที่เกิดจากผู้ไม่หวังดี
งานนี้ เจ้ากรมข่าวลือก็ช่างกระไร “พายัพและลูกชาย” มีดีอะไร ? ถึงจะมาช่วยให้คำปรึกษา “สุทิน” ที่กลาโหม บอกมาอีกนิดก็ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้ "บิ๊กทิน" หัวจะปวดหนักกว่านี้ ก็เป็นได้นะจ๊ะ