อดีตรองผู้การฯ เพชรบุรีเปรียบเทียบความต่างกรณีงานเลี้ยงบ้าน “โกรวย” เมืองเพชร ปี 61 “กำนันเอ๋” โชว์กร่างยิงปืนขึ้นฟ้า โดนตำรวจยศร้อยเอกแต่มีจิตวิญญาณตำรวจสายตรวจเข้าจับกุมทันที คนละเรื่องกับที่บ้าน “กำนันนก” ที่มีแต่ “ตำรวจสายกิน ใจมด” ช่วยผู้ต้องหาหลบหนีแถมพยายามทำลายหลักฐาน ส่งสัญญาณถึงผู้มีอำนาจว่าฤดูโยกย้ายนี้จะส่งเสริมตำรวจสายไหนให้มีโอกาสเจริญก้าวหน้า กู้ศักดิ์ศรีตำรวจคืนมา
วันที่ 9 ก.ย. พล.ต.ต.บัญญัติ เพียรสวัสดิ์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธร จังหวัดเพชรบุรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก บัญญัติ เพียรสวัสดิ์ ระบุว่า ความเหมือนที่แตกต่าง… ผมจั่วหัวไว้อย่างนี้ค่อยๆ ติดตามมานะครับ มันมีเรื่องราวที่น่าคิดในสังคมตำรวจ ที่มองจากมุมประชาชนคนที่เคยเป็นตำรวจ...
6 กันยายน 2566 กำนันนก หรือนายประวีณ จันทร์คล้าย จัดงานเลี้ยงในบ้านที่จังหวัดนครปฐม มีตำรวจเข้าร่วมงานเกินกว่า 20 คน มีทั้งระดับผู้กำกับการ รองผู้กำกับการ สารวัตร รองสารวัตร และชั้นประทวน แล้วเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นก็ได้เกิดขึ้น เมื่อหน่อง ท่าผา หรือนายธณัญชัย หมั่นมาก ลูกน้องมือขวาของกำนันนก ชักปืนจ่อยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1บก.ทล.เสียชีวิตในงานเลี้ยง เพราะเหตุที่กำนันนกไม่พอใจสารวัตรทางหลวงหนุ่มนายนี้ที่ไม่ย้ายสับเปลี่ยนหน้าที่ให้ตำรวจทางหลวงที่เป็นคนใกล้ชิดของกำนันนก
นอกจากความเหิมเกริมของมือปืนและกำนันนกที่สร้างความสูญเสียให้แก่ครอบครัวของ พ.ต.ต.ศิวกรแล้ว สิ่งที่สร้างความเสื่อมเสียและสิ้นศรัทธาในองค์กรตำรวจซ้ำคือ เพื่อน พี่น้อง ข้าราชการตำรวจที่อยู่ในงานเลี้ยงกว่า 20 ชีวิต ปล่อยให้กำนันนกและหน่อง ท่าผา หลบหนีไปต่อหน้าต่อตาอย่างลอยนวล
กำนันนกหลบหนีไปตั้งหลักแล้วค่อยๆ โผล่มามอบตัว พร้อมปฏิเสธว่าไม่มีส่วนในการสั่งให้หน่อง ท่าผา ยิงสารวัตรศิวกร
ส่วนหน่อง ท่าผา ถึงจะหลบหนีไป และต่อมาในวันที่ 8 กันยายน 2566 เวลาประมาณตี 5 หลังก่อเหตุเพียง 2 วัน จะถูกวิสามัญฆาตกรรมตายตกไปตามกันก็ตาม
แต่ถ้ามีการจับกุมและควบคุมตัวทั้งกำนันนก และหน่อง ท่าผา ได้ตั้งแต่ขณะเกิดเหตุ แยกตัวกันเค้นสอบสวนหาความจริงและการเชื่อมโยงของการฆ่า รักษาสถานที่เกิดเหตุ จัดเก็บพยานหลักฐานตามมาตรฐานของงานพิสูจน์หลักฐาน จะปรากฏความจริงและพยานหลักฐานที่ชัดเจน
ย้อนกลับไปที่จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2561 โกรวย หรือนายสำรวย ทับคล้าย เสี่ยโรงงานลูกชิ้นดัง "โกรวย" ได้จัดงานเลี้ยงที่บ้านในตำบลนาวุ้ง อำเภอเมืองเพชรบุรี ซึ่งกำนันเอ๋ ทุ่งลม หรือนายเสถียร ชวนรัก กำนันตำบลโพไร่หวาน เข้าร่วมในงานเลี้ยงด้วย
อดีตกำนันเอ๋ ทุ่งลม ชื่อชั้นในวงการนักเลงเมืองเพชร จัดว่าเคยได้รับเกียรติบัญชีผู้มีพฤติการณ์ควรเฝ้าระวังของตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรีและภาค 7 ซึ่งต่อมาได้รับการเลือกตั้งเป็นกำนัน
ในงานเลี้ยงบ้านโกรวย ก็มีตำรวจน้อยใหญ่ (ให้ดูตามข่าวที่คัดประกอบมา) เข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย และมี ร.ต.อ.กดชา บันเทิงจิตร รอง สวป.สภ.เมืองเพชรบุรี กับเจ้าหน้าที่สายตรวจเพียง 4-5 นาย ทำหน้าที่รักษาความสงบในพื้นที่
พอช่วงดึกๆ หน่อย จะด้วยความเมา หรือความกร่างของกำนันเอ๋ ทุ่งลม ก็ได้ประกาศศักดาชักปืนออกมายิงโชว์หลายนัด
แม้ผู้กองกดชาจะเป็นตำรวจบ้านนอก ยศเพียงร้อยตำรวจเอก กับลูกน้องสายตรวจชั้นประทวนไม่กี่นาย หากแต่มีหัวใจ สายเลือดและจิตวิญญาณของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ก็เข้าหยุดความกร่างของกำนันเอ๋ ผู้ละเมิดกฎหมาย โดยเข้าจับกุมในทันที มิได้เกรงกลัวอิทธิพลกำนันดังแต่อย่างใด เป็นการทำหน้าที่ด้วยสำนึกความรับผิดชอบ
จนกำนันเอ๋ ทุ่งลม ถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม และได้รับโทษตามกฎหมาย ถูกปลดจากตำแหน่งกำนันไปตามวิถีที่ควรจะเป็น
เหตุการณ์ในจังหวัดเพชรบุรี กับจังหวัดนครปฐมเป็นความเหมือนที่แตกต่าง
เหมือนกันที่มีกำนัน และตำรวจ ซึ่งเป็นคนในเครื่องแบบเกี่ยวข้องทั้ง 2 เหตุการณ์
เหมือนกันที่เหตุเกิดในงานเลี้ยงของบ้านผู้มีจะกิน แต่ต่างกันตรงที่หัวใจ ความกล้าหาญและการมีจิตสำนึกในหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบของตำรวจ 2 สาย
ที่บ้านกำนันนก "ตำรวจสายกิน" ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมียศ แต่ขาดบารมี ถ้ามีบารมี หน่อง ท่าผา และกำนันนก ต้องเกรงใจไม่เกิดเหตุร้ายแน่นอน
แถมใจมด ปล่อยให้มือปืนยิงเพื่อนต่อหน้าต่อตา นอกจากไม่ตอบโต้ ไม่จับกุม ปล่อยให้หนีลอยนวล แถมมีข่าวเรื่องการทำลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอีก
ที่บ้านโกรวย "ตำรวจสายตรวจ" มีความกล้าหาญ มีจิตวิญญานตำรวจ สำนึกในหน้าที่ มีความรับผิดชอบ ไม่เกรงอิทธิพลกำนันเอ๋ ทุ่งลม ที่กร่างยิงปืนประกาศศักดา เข้าจับกุมในทันที ป้องกันความเสียหาย ขจัดคนไม่ดีให้หมดอำนาจ ตัดเสี้ยนหนามของแผ่นดินไปอีก 1 ราย ประชาชนอุ่นใจและศรัทธาตำรวจ
สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับจิตวิญญาณตำรวจ พอจะส่งสัญญาณเตือนผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจในวงการตำรวจได้ไหมว่า นานแค่ไหนแล้วที่องค์กรตำรวจปล่อยให้ตำรวจที่ไม่ควรเติบโตได้เติบโตก้าวหน้า และทอดทิ้งให้ตำรวจของประชาชนแบบผู้กองกดชาและอีกหลายๆ นายย่ำซอยเท้าอยู่กับที่ ไม่มีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่เพื่อเป็นตัวอย่าง "ตำรวจหัวใจเสือ" ไปเป็นผู้นำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อปกป้องดูแลประชาชน
อย่าเพิกเฉยกับการส่งเสริม "ตำรวจหัวใจมด" ที่ถนัดสายกิน สายเสี่ย สายเลีย ให้เติบโต จนองค์กรขาดศรัทธา
นี่ก็ใกล้ฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายแล้วสนับสนุนตำรวจของประชาชนให้มีความเจริญก้าวหน้าบ้าง เพื่อเขาเหล่านั้นจะได้ไปดูแลประชาชนและกอบกู้ศักดิ์ศรีของตำรวจให้พ้นเงื้อมมือโจร!