xs
xsm
sm
md
lg

“ไอติม” ถาม “ยกเลิกเกณฑ์ทหาร” มีอะไรเพิ่มเติมจากแผนกองทัพ ฟัง “สุทิน” แล้วกังวลต้องลุ้นปีต่อปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ไอติม” ถามนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหารของรัฐบาลใหม่ มีอะไรเพิ่มเติมจากแผนของกองทัพ เผย ฟังสัมภาษณ์ “สุทิน” แล้วกังวลต้องมาลุ้นปีต่อปี ว่า ยอดถึงหรือไม่ ชวนประชาชนจับตา จี้ รมว.กลาโหม ตอบให้ชัดถึงกรอบเวลาดำเนินการ

วันที่ 6 ก.ย. 2566 ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงข้อกังวลนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหาร ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ว่า ตนอยากมาชี้แจงในมุมมองของพรรคก้าวไกล ซึ่งกฎหมายให้อำนาจกองทัพดำเนินการเกณฑ์ทหารได้ ปรากฏว่า ยอดคนสมัครน้อยกว่ายอดที่กองทัพต้องการ ทำให้มีช่องว่างในการบังคับคนที่ไม่อยากเป็นทหารให้เป็นทหาร

“ตัวเลขเรื่องของยอดกำลังพลที่กองทัพขอประมาณ 90,000 คน ขณะที่ยอดตัวเลขคนที่สมัครใจอาสามาเป็นทหารมีประมาณ 30,000 คน ดังนั้น ช่องว่าง 60,000 คน จึงแปรมาเป็นใบแดง”

ตนคิดว่า มาถึงวันนี้ทุกฝ่ายน่าจะเห็นตรงกันถึงราคาที่สังคมต้องจ่ายเมื่อมีการบังคับคนที่ไม่อยากเป็นทหารให้ไปเป็นทหาร ไม่ว่าจะเป็นราคาในระดับปัจเจกบุคคลที่สูญเสียเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ในการตามความฝัน หรือปัญหาระดับสังคม ที่มีการดึงทรัพยากรมนุษย์วัยทำงานออกจากตลาดแรงงานในช่วงที่เข้าสู่สังคมสูงวัย

นายพริษฐ์ ย้ำว่า มีสิ่งสำคัญ 2 เรื่อง คือ ต้องลดยอดกำลังพลที่กองทัพขอได้ ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น ยอดผี มีชื่ออยู่ในทะเบียน แต่ตัวไม่ได้อยู่ในค่าย และสอง คือ การเพิ่มยอดสมัครใจ ทำอย่างไรที่จะยกระดับชีวิตพลทหาร ทั้งเรื่องความมั่นคง ค่าตอบแทนสวัสดิการ ความก้าวหน้าทางอาชีพ

สิ่งที่อยากเชิญชวนประชาชนจับตาดู คือ คำว่ายกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร มียกเลิก 2 วิธี ได้แก่ แบบแรก เป็นการยกเลิกแบบลุ้นปีต่อปี เป็นการลดช่องว่างของตัวเลขที่กองทัพขอมา ซึ่งเป็นแนวทางที่กองทัพได้ชี้แจงผ่านแผนปฏิรูปกองทัพ ของสภากลาโหม ปี 2566-2570 ที่พยายามลดตัวเลขนี้ลงมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายจะไม่มีใครถูกบังคับเกณฑ์ทหาร แบบที่สอง เป็นแบบการันตีว่าไม่มีเกณฑ์ทหาร ซึ่งเป็นแบบที่พรรคก้าวไกลเสนอ คือ การไปแก้ พ.ร.บ.รับราชการทหาร ทำให้กองทัพไม่มีอำนาจในการบังคับคนไปเกณฑ์ทหารในช่วงที่ไม่มีศึกสงคราม โดยกองทัพจะมีแค่ยอดคนสมัครใจ


นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ยกเลิกแบบแรกต้องมานั่งลุ้นปีต่อปีว่าจะมียอดสมัครใจถึงหรือไม่ ส่วนแบบที่สอง ตนเชื่อว่า จะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญ ที่ทำให้กองทัพต้องปฏิรูปตนเองจนทำให้ต้องให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของพลทหาร

“ตราบใดที่ยังมีช่องว่างที่เปิดให้กองทัพสามารถบังคับคนไปเกณฑ์ทหารได้กองทัพอาจจะเกิดความชะล่าใจ ว่า ไม่ว่ายอดคนสมัครจะน้อยแค่ไหน เขาสามารถบังคับคนไปเป็นทหารตามจำนวนที่ขอได้ หากยกเลิกเกณฑ์ทหารไปเลย จะทำให้กองทัพเอาจริงเอาจัง โอนตรงโอนครบ ไม่หักไม่ทอน เอาจริงเอาจังกับการกำจัดปัญหาความรุนแรงในค่าย” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า คงต้องจับตาดูนโยบายเกณฑ์ทหารในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจากคำสัมภาษณ์ของนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดูเหมือนจะเป็นแนวทางแบบที่ 1 มากกว่า ซึ่งก็เพียงแต่หวังว่ารัฐบาลจะมีความชัดเจนเรื่องกรอบเวลาว่าจะลดกำลังพลกี่คนในแต่ละปี และให้ตัวเลขเป็น 0 ในปีไหนให้สำเร็จ
เมื่อถามว่า จากที่ นายสุทิน ให้สัมภาษณ์คาดว่าจะเป็นการยกเลิกเกณฑ์ทหารแบบแรก คือ การเปิดรับสมัครโดยสมัครใจให้ครบก่อน และมองว่า เดือนเมษายนปีหน้าจะไม่ต้องเกณฑ์ทหารแล้วหรือไม่ นายพริษฐ์ ตอบว่า หากเป็นเช่นนั้นต้องมาลุ้นกันปีต่อปี ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการสื่อสารว่ายอดกำลังพลที่กองทัพต้องการเป็นเท่าไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่รับประกันให้ประชาชนว่าจะวางแผนชีวิตอย่างไร

เมื่อถามว่า ในคำแถลงนโยบายรัฐบาลไม่มีคำว่ายกเลิกแต่ใช้คำว่าสมัครใจมีข้อกังวลอะไรหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ต้องรอการยืนยันว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ ทั้งนี้ คำว่าปฏิรูปไม่มีอะไรที่เป็นเชิงลบ

เมื่อถามว่า ประเมินการทำงานของนายสุทิน ที่เดินสายพบผู้นำเหล่าทัพว่าอย่างไรบ้าง นายพริษฐ์ ระบุว่า อย่างการยกเลิกเกณฑ์ทหารแบบลุ้นปีต่อปี กองทัพมีการทำอยู่แล้ว คำถามที่อาจจะมีตามมาคือวาระเพิ่มเติมนอกเหนือที่กองทัพวางไว้ รัฐบาลมีอะไรใหม่หรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น