หน.ก้าวไกล ขอปวารณาวันเกิดจะเป็นคนของ ปชช.เหมือนเดิม ขอด้อมส้มอย่าสิ้นหวัง อวยพร “รบ.นิด 1” ไม่ต้องฟังคำวิจารณ์ ขอทำงานให้ได้ตามที่หาเสียง ย้อนคำดีเบตปฏิรูปกองทัพ บอกคนยังเรียกนายกฯไม่ได้สะท้อนอะไร ยังไม่ตัดสินใจปมผู้นำฝ่ายค้าน รอศาล รธน.ตัดสิน
วันนี้ (5 ก.ย.) ที่อาคารอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนระหว่างพบปะแฟนคลับที่มาอวยพรวันครบรอบวันเกิด 43 ปี
โดยผู้สื่อข่าวสอบถามว่า วันเกิดปีนี้ได้ขอพรอะไรในใจ นายพิธา กล่าวว่า ขอให้ความทุกข์ร้อนของประชาชนหายไปโดยเร็ว ขอปวารณาตัวว่าจะตั้งใจทำงานให้กับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะในทำเนียบรัฐบาล หรือนอกทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะในสภาหรือนอกสภา ก็ยังจะเป็นคนของพี่น้องประชาชนเช่นเดิม
เมื่อถามว่า เส้นทางการเมืองต่อไปจะยากลำบากขึ้นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เส้นทางการเมืองต่อไป ก็จะอยู่เคียงข้างประชาชน ทำให้ประชาชนที่มาอวยพรส่งเสียงเฮ จากนั้น นายพิธา กล่าวต่อว่า ท่านเลือกผมมาให้มาทำงานกับท่าน ไม่ได้เลือกมาให้กังวลหรือรู้สึกสิ้นหวังในความท้าทายที่จะถาโถมเข้ามา
เมื่อถามว่า เห็นหน้าตาคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว มองว่า จะฝากความหวังไว้ได้หรือไม่ นายพิธา ระบุว่า คงไม่ได้มองที่หน้าตาบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ดูที่หลักการ จึงเป็นสาเหตุที่เมื่อตนตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงได้มี MOU เป็นตัวตั้งว่าหลักการทำงานจะเป็นอย่างไร พร้อมอวยพรให้ ครม.ชุดใหม่ทำงานได้ตามที่หาเสียงไว้ เพราะเราก็หาเสียงคล้ายๆกัน เวลาไปดีเบตในสื่อหลายช่อง ถามกันเรื่องปฏิรูปกองทัพ ทลายทุนผูกขาดก็ตอบเหมือนๆ กัน
“ดังนั้น ท่านไม่จำเป็นต้องฟังคำวิจารณ์จากฝั่งผม แค่จำให้ได้ว่าดิจิทัลฟรุตปริ้นท์มีอย่างไร และจำให้ได้ว่าตอนที่ดีเบตหาเสียงพูดไว้อย่างไร บอกว่าปฏิรูปกองทัพก็คือปฏิรูปกองทัพ” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่า ให้เวลา ครม.ใหม่ในการทำงานเท่าใด นายพิธา กล่าวว่า ตนยึดเอาคำพูดของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ที่ไม่มีเวลารอฮันนีมูนอีกต่อไป เพราะประชาชนเดือดร้อนและรอมานาน อยากจะให้รีบทำงานให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
เมื่อถามว่า ครม.ชุดใหม่ ถวายสัตย์ฯ วันนี้แล้ว แต่ยังมีประชาชนเรียกนายพิธา ว่า นายกรัฐมนตรี มองว่าสะท้อนอะไร นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้สะท้อนอะไร ก็ทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่ในบทบาทของตนและยังมีเวลาทำงานอีกเยอะ ฝ่ายค้านเชิงรุกพร้อมทำงานสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป รวมถึงการทำงานทางความคิดกับคนที่เคยเห็นต่างจากเรา หรือคนในองค์กรอิสระให้เห็นภาพว่าการเมืองที่เป็นไปได้ ประเทศไทยที่เป็นไปได้ พวกเขาจะมีส่วนร่วมและโอกาสในการอยู่ร่วมได้อย่างไร
รวมถึงบางคนที่อาจจะต่อต้านว่าวิธีคิดของเรา มีแต่ได้กับได้ ไม่มีใครที่จะต้องเสียอย่างที่คิด หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เร็วเกินไปจนพวกเขารับไม่ได้ หรือไม่มีพวกเขาอยู่ พร้อมยืนยันว่าจะทำการเมืองซึ่งมีพื้นที่ให้ทุกคนอยู่ในนั้น เพราะเราจะทำประเทศไทยให้มีที่ยืนบนเวทีโลก ไม่ได้ต้องการให้มาต่อสู้กันเอง
ส่วนเรื่องแถลงนโยบาย มองว่า ในส่วนของฝ่ายค้าน ต้องรอเอกสารนโยบายที่เป็นรูปเล่ม ตนจำได้ครั้งที่อภิปรายเรื่องกระดุม 5 เม็ด ได้อ่านเอกสารนโยบายที่จังหวัดสกลนครเป็นเวลา 5 วันก่อนอภิปรายจริง
“ปีศาจอยู่ในรายละเอียด จะให้อ่านเอกสารก่อนอภิปราย 2 วันคงเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกัน ก็ต้องสื่อสารให้พี่น้องประชาชนเข้าใจว่าตอนนี้ เราได้เก็งข้อสอบไว้บ้างแล้วในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา และถ้าไม่อยู่ในนโยบายนี้ เราก็คงต้องตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดจึงไม่เกิดขึ้น” นายพิธา กล่าว
สำหรับประเด็นการรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายพิธา ย้ำว่า ต้องรอความชัดเจนในเรื่องคดีของตน ประกอบกับมาตรา 106 วรรคสุดท้ายของรัฐธรรมนูญ เขียนไว้ชัดเจนว่าตำแหน่งดังกล่าว ไม่ควรไหลไปพรรคอื่น หรือถ้าตนกลับไปปฏิบัติหน้าที่ สส. ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านก็ต้องไหลกลับมาที่พรรคก้าวไกล
นายพิธา ได้เน้นย้ำว่า กรณีที่ตนจะรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ ต้องแบ่งเป็นหลายมิติ คือ มิติตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ว่าต้องมีตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน แต่ในเชิงส่วนตัว ตนไม่ยึดติดกับตำแหน่ง โดยเฉพาะที่หลายคนพยายามกดดันให้นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่งลาออก ส่วนในมุมมองของพรรคเห็นว่ายังต้องรอความชัดเจนเรื่องคดี ซึ่งจะตรงกับที่นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาฯ เคยพูดไว้ พร้อมยืนยันว่าตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีการเรียกชี้แจงแต่อย่างใด แต่ทางพรรคก้าวไก่ได้เตรียมข้อกฎหมายไว้สำหรับชี้แจงเรียบร้อยแล้ว
