xs
xsm
sm
md
lg

“พิธา” ปัดผู้นำฝ่ายค้าน เหตุผลหล่อมาก!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

เชื่อว่า หลายคนที่ได้ฟังเหตุผลของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปฏิเสธตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป บางคนที่เป็น “ด้อมส้ม” หรือแฟนคลับ ก็ชื่นชมยินดีกับเป้าหมายที่หวังแต่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีเท่านั้น อ้างว่า ประชาชนต้องการให้เป็นแบบนั้น ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็คงมองเห็นเป็นตรงกันข้ามระคน “หมั่นไส้” ที่แบบว่า “พูดเอาหล่อ” อย่างเดียว ไม่ยอมพูดความจริงกับสถานะปัจจุบัน ที่ตัวเองต้องเผชิญอยู่ หรือหากพูดให้ตรง ก็คือ กำลังลุ้นแบบ “นอนไม่หลับ” ทุกคืน ก็คือ อาจต้องพ้นจาก ส.ส. และถูกตัดสิทธิทางการเมือง จากคดี “ถือหุ้นสื่อ” ในเวลานี้

“ผมไม่คิดว่าประชาชนเลือกมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นก็คิดว่าไม่ได้เป็นตำแหน่งที่เราต้องการ เราก็จะต้องเตรียมตัวเพื่อให้เป็นแคตดิเดตนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป น่าจะเป็นในมุมมองนั้นมากกว่า โดยจะเป็นบทบาทของพรรคก้าวไกล และบทบาทของผมในฐานะผู้นำพรรค”

สำหรับความชัดเจนระหว่างตำแหน่งรองประธานสภา คนที่ 1 และตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน จะเลือกอะไร นายพิธา ย้ำว่า ตนไม่ได้ต้องการตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน

ถามว่า กรณี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ในฐานะรองประธานสภา คนที่ 1 ก็ไม่ต้องลาออกใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คิดว่าอย่างนั้น เพราะ นายปดิพัทธ์ พยายามทำงานอย่างเต็มที่และสร้างสรรค์ แต่ตนไม่ค่อยได้มีโอกาสพูดคุยกัน จึงต้องขอส่งกำลังใจไปให้ด้วยในการทำหน้าที่ที่ตัวเนื้อหา กฎหมาย ญัตติ และกระทู้ที่ยังทำไม่ได้ในตอนนี้ ก็อยากจะให้เน้นเกี่ยวกับสารัตถะของการเป็นรองประธานสภา ที่ดี

นั่นเป็นคำพูดบางตอนของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระหว่างให้สัมภาษณ์เมื่อหลายวันก่อนที่จังหวัดระยอง ระหว่างช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียงเลือกตั้งซ่อม

อย่างไรก็ดี ก็ยังมีคนรู้ทัน นั่นคือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ที่พรรคก้าวไกลประกาศไม่รับตำแหน่ง และต้องตกไปเป็นของพรรคลำดับสอง คือ พรรคประชาธิปัตย์ ว่า โดยความชอบธรรม พรรคที่มีเสียงมากที่สุด 150 เสียง ที่จะได้ดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน แต่กระบวนการจะเป็นอย่างไรก็ต้องดูต่อไป

“ขณะนี้ในส่วนของหัวหน้าพรรคของพรรคก้าวไกล ยังมีปัญหาไม่จบ แม้ คุณปดิพัทธิ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก จะประกาศไม่ลาออกจากจากตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่งนั้น ผมมองว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา และถึงแม้จะลาออก ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ยังมีปัญหาอยู่” นายชวน ระบุ

เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลปฏิเสธตำแหน่งนี้ แล้วตกมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ จะพิจารณาอย่างไร นายชวน กล่าวว่า เมื่อเลือกหัวหน้าพรรคเต็มตัวแล้ว ทางพรรคก็คงพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตนไม่สามารถวิเคราะห์แทนได้ แต่ที่พูดนั้นในหลักของกฎหมาย ดังนั้น อย่าเพิ่งสมมุติว่าถ้าก้าวไกลไม่รับแล้วเราจะทำอย่างไร แต่หากเขาปฏิเสธไม่รับตำแหน่งดังกล่าว ก็เป็นพรรคอันดับต่อไป

“ที่ผ่านมา ไม่มีเหตุการณ์นี้ เพราะปกติตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านถือมีความสำคัญ เพราะเป็นตำแหน่งที่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งโปรดเกล้าฯ และมีสถานภาพที่สำคัญ ฉะนั้น โดยทั่วไปพรรคการเมืองที่มี ส.ส.อันดับหนึ่งในฝ่ายค้าน จะรับตำแหน่งเอง แต่ที่ตอนนี้ยังไม่มี เพราะปัญหายังไม่จบก็เข้าใจได้ ดังนั้นตอนนี้รองประธานสภาคนที่หนึ่ง ก็ไม่จำเป็นต้องลาออกเพราะอยู่ในสถานภาพที่ยังไม่มีรัฐบาลเรียบร้อย” นายชวน กล่าว

หากพิจารณาจากคำพูดของ นายชวน หลีกภัย แม้จะมีคำถามในเรื่องอื่นที่เน้นไปที่พรรคอันดับถัดไปหากพรรคอันดับหนึ่ง คือก้าวไกล ไม่รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน แต่เขาก็รู้ทันว่า สาเหตุที่ นายพิธา ไม่รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน เป็นเพราะ “ตัวเองยังมีปัญหา” ยังไม่เคลียร์เรื่อง “คดีถือหุ้นสื่อ (ไอทีวี)” ที่เวลานี้ศาลรัฐธรรมนูญ “สั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.” จนกว่าคดีสิ้นสุด หากพิจารณาตามนี้ แม้ว่า นายพิธา อยากจะรับตำแหน่งดังกล่าว ก็รับไม่ได้ เพราะถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ยังไม่เคลียร์ ต้องรอไปก่อน

อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันถึงความน่าจะเป็นแล้ว ก็ต้องบอกว่า “รอดยาก” เพราะกรณีถือหุ้นไอทีวี ถือว่าชัดเจนยิ่งกว่า กรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยถือหุ้น บริษัท วี-ลัคมีเดีย โดยก่อนหน้านั้น นายธนาธร ก็ถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.เอาไว้ชั่วคราวเหมือนกัน และจากนั้น ก็มีคำวินิจฉัยให้พ้นสภาพ ส.ส.ตามมา

ดังนั้น กรณีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปฏิเสธรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยอ้างประชาชนเลือกให้มาเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น นอกจากพูดจา “เอาเท่” เอาหล่อแล้ว มองอีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนกับการไม่ยอมรับความจริงอยู่วันยังค่ำ เพราะรู้อยู่แล้วว่า ถึงจะรับก็ไม่ได้ และจะมีปัญหาแน่นอน เพราะตัวเองยังถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.เอาไว้ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องกรณีถือหุ้นสื่อ และที่ผ่านมา เจ้าตัวก็ยื่นขอขยายเวลาในการส่งเอกสารหลักฐานมาสองครั้งแล้ว

เอาเป็นว่าหากพิจารณากันทีละขั้นตอน แล้ว นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็ยังคงเป็นได้แค่ “นายกฯทิพย์” ต่อไป เพราะเวลานี้นายกฯตัวจริง ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ กำลังจะนำคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายและปฏิบัติหน้าที่ ขณะเดียวกันสำหรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน แม้ว่าต้องการจะนั่งเก้าอี้ตัวนี้ขึ้นมาจริงๆ มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากสถานะตัวเองยังไม่เคลียร์ และหากเลวร้ายถึงขนาดต้องพ้นจากสภาพ ส.ส. มันก็อาจส่งผลไปถึงเก้าอี้หัวหน้าพรรคตามไปอีกด้วย!! 


กำลังโหลดความคิดเห็น