ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“ครม.เศรษฐา1” ประกาศเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ถึงมือประชาชนภายใน 1ก.พ.67 รัฐบาลต้องเร่งทำงานด่วนจี๋ มีแต่พปชร.ที่ปัญหาภายในยังไม่สงบ
ผ่านไปอีกขั้นตอน เมื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นที่เรียบร้อย
โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชกระแส ตรัสให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี พร้อมเชื่อมั่นว่าจะทำหน้าที่ได้ดี ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มที่ ทำให้บ้านเมืองเดินหน้า ประชาชน มีความสงบร่มเย็น ... ยังความปลาบปลื้มแก่คณะรัฐมนตรีเป็นล้นพ้น และจะน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการต่อไป
เมื่อเสร็จภารกิจจากการเข้าเฝ้าฯ แล้ว “เศรษฐา ทวีสิน” ก็รีบกลับไปประชุมส.ส.พรรคทันที หลังจากเมื่อวันก่อนได้หารือกับ 16 รัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทยไปรอบหนึ่งแล้ว โดยย้ำว่ารัฐบาลไม่มีช่วงเวลา “ฮันนีมูน” เมื่อแถลงนโยบายแล้วเสร็จ รัฐบาลจะบริหารราชการแผ่นดิน และทำงานเต็มที่ เพราะเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน รอไม่ได้
โดยวันนี้ (6ก.ย.) จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษ เพื่อให้ทางสำนักเลขาธิการครม. แจ้งให้ทราบถึงระเบียบข้อบังคับการประชุมต่างๆ การขออนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณ และจะมีการแต่งตั้ง “นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” ประธานกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รวมทั้งอาจมีการแต่งตั้งทีมโฆษกรัฐบาลชุดใหม่ด้วย
สำหรับเรื่อง “ดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท” ที่เป็นนโยบายเรือธง ซึ่งมีการถามถึงความชัดเจนกันมามากนั้น “เศรษฐา” ยืนยันว่า ทำแน่ และจะเร่งให้เงินถึงมือประชาชนภายในวันที่ 1 ก.พ. 67
ขณะที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย บอกว่าในหลวงทรงมีพระราชดำรัสเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ครม. ซึ่งต้องสำนึก และทำงานถวายชีวิตเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง โดยในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ก็ต้องเน้น บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ไม่เพียงเท่านั้น รัฐมนตรีทุกคนของพรรคภูมิใจไทย ต้องทำงานอย่างหนัก ในหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย และอยู่ในความรับผิดชอบ ทุกเรื่องเป็นเรื่อง “ด่วนจี๋” ซึ่งเราได้เตรียมพร้อม เชิญผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และผู้ทรงคุณวุฒิมาช่วยงานเต็มที่
เช่นเดียวกับ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ก็มีงานด่วนที่รออยู่ข้างหน้า คือ การหาแนวทางปรับลดราคาพลังงาน โดยไม่ผลักภาระไปให้ประชาชน ทั้งน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม และไฟฟ้า ซึ่งจะต้องมีมาตรการออกมาโดยเร็ว
การตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ภาพที่ออกมาคือ พรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่ พร้อมที่จะทำงานได้ทันที เพราะมีความเป็นเอกภาพภายในพรรค ต่างจาก “พลังประชารัฐ” ที่ยังมีปัญหาภายในมารบกวนสมาธิ หลัง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ประกาศเตรียมลาออกจากการเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่จะยังเป็นหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม แถม “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชร เด็กในสาย “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรค ที่ตามโผระบุว่า จะไปนั่ง รมช.พาณิชย์ ก็ไม่ได้รับการนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ด้วยปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติ
“บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น้องชายสุดเลิฟของ “บิ๊กป้อม” ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเข้ามาดูแลพรรคแทนพี่ชายในตำแหน่งหัวหน้าพรรค ก็ปฏิเสธว่า ไม่ได้เข้ามาดูแลพรรค เพราะ“บิ๊กป้อม” ดูแลอยู่ และก็ไม่ได้บอกว่าจะลาออกจากส.ส.เมื่อไร
ส่วน “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมว.เกษตรและสหกรณ์ ก็ยืนยันว่า ขณะนี้ “บิ๊กป้อม” ยังเป็น ส.ส.อยู่ ยังไม่มีการลาออกใดๆ ทั้งสิ้น และยังเป็นหัวหน้าพรรคเต็มตัว
สำหรับโควตารัฐมนตรีของพรรค ที่ “ไผ่ ลิกค์” ไม่มีชื่อเป็นรัฐมนตรีนั้น ยืนยันว่าโควตายังเป็นของพรรคพลังประชารัฐอยู่ รอให้เขาได้พิสูจน์ตัวเองก่อน รอการตีความข้อกฎหมายให้ชัดเจน ตอนนี้ยังไม่มีการเสนอชื่อคนอื่นแทน รอหลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อน จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้อีกครั้ง
แต่ถ้าผลการตีความข้อกฎหมายออกมาแล้ว ไม่เป็นผลบวกกับ “ไผ่ ลิกค์” จะเป็นโอกาสของ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” หรือไม่นั้น “ร.อ.ธรรมนัส” ยืนยันว่า ไม่ใช่
ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐที่เห็นอยู่นี้ จะลงเอยอย่างไร จะมีผลกระทบไปถึงรัฐบาลโดยรวมหรือไม่ ต้องติดตาม
**อิหยังหว่า!??..หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์เพาเวอร์” ดรามา มาตรึม นโยบาย "เสริมศักดิ์"
เกิดดรามาไปทั่วท้องพาราโลกออนไลน์ พลันที่รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม "เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช" โชว์วิสัยทัศน์จะแก้ปัญหาความยากจนของพี่น้องประชาชนด้วยนโยบาย "หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์เพาเวอร์"
ฟังว่า ทั่นรัฐมนตรีมีเจตนาดีที่จะยกระดับของกระทรวงวัฒนธรรมที่แต่ไหนแต่ไรมา เป็นกระทรวงที่ว่าด้วยเรื่องของสังคม แต่มายุคสมัยนี้ของมันต้องมีเงินในกระเป๋า ประชาชนจะต้องมีกินมีใช้ จึงขออาสาเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ แปลงวัฒนธรรมให้เป็นเงิน
อันเป็นที่มาของนโยบายพรรคเพื่อไทย หนึ่งผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล เอ๊ย! “หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์เพาเวอร์” เพื่อเติมเงินในกระเป๋าให้แต่ละครอบครัว มีรายได้ถึง 20,000 บาท
งานนี้พี่น้องของประชาชาวเน็ตได้ยินได้ฟังก็หูผึ่งปนอึ้ง กลายเป็นกระแสที่ถามกันวุ่นวาย ฮอตกว่าไวรัล "ไอ้เราก็เท่ซะด้วย" ด้วยไม่เข้าใจว่า ความหมายของ..หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์เพาเวอร์ คืออะไร
พลังเบาๆ จะเป็นอะไรหนอ? แต่ละครอบครัวจะมีซอฟต์เพาเวอร์ อะไรบ้าง? ค้นหาความหมาย ทายกันวุ่น เล่นเอาบันเทิงครื้นเครงกันใหญ่ในโลกออนไลน์
ถ้ามองในแง่พีอาร์ก็ต้องบอกว่า “รัฐมนตรีเสริมศักดิ์” จุดพลุให้เกิดประเด็นถกเถียง ดรามาก็เป็นเรื่องซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหาย ก็ต้องถือว่าได้ผล
และ ถ้าจะถามว่า "ซอฟต์เพาเวอร์" ที่กระทรวงจะผลักดันแปลงวัฒนธรรมให้เป็นเงินครอบครัว ประชาชนจะสามารถมีกินมีใช้จะมีอะไรบ้างนั้น
อ้างอิงจาก “รัฐบาลลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายดัน อาหารไทย ภาพยนตร์ไทย การออกแบบแฟชั่นไทย ศิลปะการต่อสู้แบบไทย และเทศกาลประเพณีไทย 5 ซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ให้ระบือไกลไปทั่วโลก ชาวเน็ตก็จะเก็ตได้ง่าย
นโยบายนี้ของยุครัฐบาลเศรษฐา ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า รัฐบาลจะเข้าไปส่งเสริมค้นหา "ของดีประจำบ้าน" ที่อยู่ในข่ายจะเป็นซอฟต์เพาเวอร์กันได้ในแต่ละครอบครัวอย่างไร ?
ทำดีๆ คนก็มีความหวัง เพราะคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ศิลปะและประเพณี แม่ไม้มวยไทย ฝีมือการทำอาหาร ได้ชื่อว่าสืบทอดต่อๆ กันมาเป็นมรดกทางวัฒนธรรม
เริ่มต้นด้วยความหวังก็ยังดีกว่าให้ความหวังแล้วไม่ทำ
เชื่อว่า ถ้ากระทรวงวัฒนธรรมประชาสัมพันธ์ดีๆ ต่อยอดทางความคิดให้เข้าใจง่าย โอกาสที่นโยบายนี้จะประสบความสำเร็จก็มีสูง
แต่หากสื่อสารอธิบายไม่เป็นที่เห็นๆ และเป็นอยู่ก็จะเกิดดรามา มากันตรึม อิหยังหว่า!??..หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์เพาเวอร์
