ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ประกาศคนหาย “ชูวิทย์” สาบสูญ หลัง“เศรษฐา”เป็นนายกรัฐมนตรี
ประกาศตามหาคนหาย!!
วันนี้ชูวิทย์ หายไปไหนวะ ไม่โพสต์อะไรเลย
ชูวิทย์... เศรษฐา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วนะ
ชูวิทย์เลิกแฉแล้วเหรอ หรือ ทำเรื่องลี้ภัย ?
มึงแฉยังไงให้เศรษฐาเป็นนายกฯได้วะ
นี่เป็นตัวอย่างข้อความล่าสุดที่มีคนไปลงเอาไว้ต่อท้ายโพสต์ของ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ในเพจเฟซบุ๊กของเจ้าตัวที่โพสต์เมื่อวันก่อน (21ส.ค.) ก่อนที่จะแน่นิ่งไป
ภาษาบ้านๆ ชาวโซเชียลฯ ก็ต้องบอกว่า “เละคาบ้าน” เลยงานนี้
แต่เจ้าบ้านชูวิทย์ ขนาดมีคนมาเคาะประตูบ้านด้วยความเป็นห่วง กลับเงียบกริบ ไม่หือ ไม่อือ หายตัวไปซะยังงั้น
หากนับตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ 22 สิงหาคม วันที่สภาฯโหวต “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ถึงวันนี้ก็เกิน 24 ชั่วโมง บรรดาชาวเน็ตทั้งหลายจึงออกตามหาตัว
ที่เขาถามหากันให้ควั่ก ก็เพราะ “ชูวิทย์”เปิดแสดงละครลิง EP แฉเพื่อชาติ ฟันธงเอาไว้ว่า “เศรษฐา” จะไม่ได้เป็นนายกฯแน่นอน ตอนนี้ชูวิทย์เป็นตายร้ายดีประการใด ไปกบดานที่ไหน หรือ บินไปรักษาโรคมะเร็งที่อังกฤษแล้ว ตามข่าวที่บอก “ขอลาก่อน” ออกมาปรากฏตัวหน่อย แสดงความเห็นสักนิดเถอะ จะว่าอย่างไร ?
เล่นหลบลี้หนีหน้าแบบนี้ ใครไม่อาย ติ่งอาย เสียศักดิ์ศรี นักแฉโหม้ด!
“ชูวิทย์” ที่เรียกตัวเองเป็นมหาโจรผู้ยิ่งใหญ่ ไม่รู้สึกถึงการถูกประณามหยามเกียรติเลยหรือ ? หรือว่า ไม่มีทั้งสองอย่างอยู่แล้วจึงทำตัวหลบอยู่ในรู ...จุ๊กกรู้
แหมก็น่าเสียดาย “ติ่ง” หรือ “เอฟซี” ทั้งหลายพากันเป็นห่วง อย่างน้อยมาตอบในคอมเม้นต์ของแฟนเพจบ้างก็ยังดี ให้พอรู้ว่ายังมีลมหายใจ ร่วมอากาศหายใจกับเอฟซี อยู่นะ
ข้อความก็ยังหลั่งไหลเข้ามาทิ้งเอาไว้ให้ชูวิทย์ตอบ เช่นว่า “ ชูวิทย์ ช่วย แฉ บริษัท สมบัติเติมตระกูล ด้วยครับ โอนที่ดินให้ลูก ทำไมเสียภาษีถูกกว่าขายปกติ แถมโอนปุ๊บ แล้วขาย ปั๊บ แบบนี้ เรียก นิติกรรมอำพราง เหมือนกันหรือเปล่า”
“เอฟซี ควรตื่นได้แล้ว ถ้าแสนสิริผิดจริง หน่วยงานที่รับผิดที่คณะละครลิงแฉ ต้องออกมาแจ้งว่าผิดจริง มาถึงตอนนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบคดีดังกล่าวเงียบ แสดงว่าข้อมูลเท็จ ไม่เป็นข้อมูลจริง คุณแพ้แล้ว อายบ้างเถอะ”
ถึงตรงนี้ “ติ่งชูวิทย์” ต้องช่วยกันเรียกร้องเสียงดังๆ แล้วละ ออกมาๆ ชูวิทย์ อย่าหยุดแฉ... แฉไปไถไป อย่าเงียบสิ ชูวิทย์ไม่อยู่แล้วใครจะรับงาน ใครจะแบล็กเมล์ ใครจะโกหกพกลม ปั่นข่าว ปั้นน้ำเป็นตัว มั่วมโนได้เหมือนชูวิทย์
อภิโธ่ อภิถัง ละครลิงรูดม่านลงแบบนี้เหมือนทิ้งติ่งไว้กลางทางได้ไง ?.
** ลุ้นใครนั่งรัฐมนตรีกระทรวงไหน ในครม. “เศรษฐา1”
ฤกษ์งามยามดี เวลา 18.00 น. วันที่ 23 สิงหาคม 2566 “เศรษฐา ทวีสิน” ได้เข้าพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 โดยมีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ส.ส.พรรคเพื่อไทย และประชาชน เข้าร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคึกคัก ที่พรรคเพื่อไทย
แต่ขณะนี้นายกรัฐมนตรี ยังไม่สามารถทำงานได้ เพราะต้องมีคณะรัฐมนตรีก่อน ซึ่งกว่าจะเคลียร์รายชื่อกันลงตัวก็น่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นส่งรายชื่อไปให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจสอบประวัติ ซึ่งใช้เวลาอีกประมาณ 1 สัปดาห์ จึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการทูลเกล้าฯ และเมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ลงมา คณะรัฐมนตรีต้องทำพิธีถวายสัตย์ฯและแถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภาก่อนจึงจะเริ่มทำงานได้
ดังนั้น “รัฐบาลลุงตู่” จึงน่าจะต้องอยู่รักษาการไปอีกประมาณ 3 สัปดาห์
ช่วงนี้ จึงเป็นคิวของการเจรจาแบ่งกระทรวง วางตัวรัฐมนตรี ที่ระดับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต้องลุ้นกันตัวบิด
ในส่วนของพรรคเพื่อไทย แกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น คาดหมายกันว่า “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีจะนั่งควบตำแหน่ง รมว.คลัง เพื่อแสดงฝีมือขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจด้วยตัวเอง ... “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” คงต้องลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ระหว่างการหาเสียง แล้วไปนั่งเป็น รมว.สาธารณสุข ส่วน “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรคนั้น เล็งไปที่เก้าอี้ รมว.คมนาคม ซึ่งตรงกับที่ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” แกนนำคนสำคัญของพรรคหมายตาไว้ แต่สุดท้ายคาดว่า รมว.คมนาคม จะเป็นของ “สุริยะ” ส่วน “ประเสริฐ” จะได้นั่ง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แทน ขณะที่ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” น่าจะได้เป็น รมว.การต่างประเทศ
ที่ฮือฮา ก็เห็นจะเป็น “สุทิน คลังแสง” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถูกวางตัวให้เป็น รมว.กลาโหม ด้วยเหตุผลว่า จะช่วยทำให้หน้าตาครม.มีความเป็นสากล คือมีพลเรือนมารับผิดชอบกำกับดูแลกิจการของทหาร เรื่องนี้แม้แต่เจ้าตัวพอเห็นชื่อโผล่ในโผ ยังออกอาการงง แต่ก็ไม่วายปล่อยมุกว่า คงเป็นเพราะตนเองนามสกุล “คลังแสง” ซึ่งถ้าได้เป็นจริง คงประหยัดงบจัดซื้ออาวุธได้เยอะ
ส่วน “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ประกาศจองกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไว้ตั้งแต่ไก่โห่ และ รวมทั้ง“ภูมิธรรม เวชยชัย” รองหัวหน้าพรรค นั้นได้รับการยืนยันจากวงในว่า มีเก้าอี้รัฐมนตรีให้นั่งแน่ เพียงแต่ยังไม่ระบุว่าเป็นกระทรวงใด
ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐนั้น จากเดิมที่จะได้รับตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ และวางตัวให้ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรค นั่งเก้าอี้ตัวนี้ แต่ปรากฏว่าเมื่อเกิดกรณี สว.สายลุงป้อม “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรค ไม่ยอมโหวตให้ “เศรษฐา” ตามที่ตกลงกันไว้ จึงอาจทำให้ต้องเจรจาเรื่องเก้าอี้ตัวนี้กันอีกครั้ง แต่เก้าอี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังคงเดิมคือ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรค น้องชายของ “ลุงป้อม”จะได้ไปครอง
สำหรับโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ นั้นได้ตำแหน่ง รมว.พลังงาน ซึ่งแต่เดิมมีการวางตัว “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกฯ และรมว.พลังงาน คนเดิม เพื่อให้การทำงานต่อเนื่อง แต่ก็มีรายงานว่า “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค ก็ต้องการนั่งเก้าอี้ตัวนี้เอง จึงต้องติดตามกันว่าจะลงเอยที่คนเก่า หรือคนใหม่
มาดูที่พรรคภูมิใจไทยกันบ้าง “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค จะได้ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.มหาดไทย ถ้าเป็นไปตามนี้จริง ก็เท่ากับ “อนุทิน” ได้เดินตามรอย “ปู่จิ้น” ชวรัตน์ ชาญวีรกูล ผู้เป็นพ่อ โดย “ปู่จิ้น” ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยในช่วงนั้น เคยเป็น รมว.มหาดไทย ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ พรรคภูมิใจไทยยังรั้งได้โควตา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เอาไว้ได้ โดยมีการคาดหมายกันว่า “ชัยชนก ชิดชอบ” ส.ส.บุรีรัมย์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ “เนวิน ชิดชอบ” จะมานั่งกระทรวงนี้ แต่เจ้าตัวได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่า ไม่ใช่ตนเองแน่ เพราะอายุยังไม่ถึง เนื่องจากรัฐมนตรีต้องมีอายุขั้นต่ำ 35ปี แต่ตนเองเพิ่งอายุ 34 ปี เท่านั้น
ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา “วราวุธ ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรค ที่เคยบอกว่าอยากจะนั่งเก้าอี้ตัวเดิม คือ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่รอบนี้อาจจะได้ขึ้นชั้นเป็น รมว.พาณิชย์
นี่เป็นโผรัฐมนตรีที่ภาพโดยร่วมยังไม่นิ่ง อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่ง “เศรษฐา ทวีสิน” ได้ให้สัมภาษณ์หลังการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ในฐานะที่เป็นรัฐบาลผสม ก็คงต้องพูดคุยกันเรื่องของนโยบาย และให้เกียรติกัน โดยเราจะเชิญพรรคร่วมรัฐบาลมาพูดคุยกัน รวมถึงการตั้งคณะรัฐมนตรี ที่ขณะนี้ยังไม่เรียบร้อย อยู่ระหว่างการเจรจา แต่ก็มีความคืบหน้าไปในทิศทางที่ดี ส่วนการคัดเลือกตัวรัฐมนตรี ก็คงไม่ได้ทำคนเดียว เพราะเราทำงานเป็นทีม มีคณะทำงาน ที่สำคัญคือ ต้องให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลด้วย
สำหรับนโยบายหลักที่จะทำให้ประชาชนเป็นสิ่งแรก อย่างเรื่องกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น เมื่อรัฐบาลแถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จะเริ่มดำเนินการทันที