เมืองไทย 360 องศา
จะเรียกว่า “เขี้ยว” ไม่ธรรมดาสำหรับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้ที่กำลังก้าวลงจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาสำคัญนี้ ถือว่าน่าติดตาม และยังเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า อดีตผู้นำกองทัพ และเป็นอดีต “ผู้นำก่อรัฐประหาร” คนนี้ กำลังก้าวลงจากหลังเสืออย่างสวยงาม อย่างน้อยก็ในช่วงรอยต่อ ไปยังคนใหม่ที่มาจาก “ต่างขั้ว”
ภาพการพบและหารือกันร่วมชั่วโมง ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่ทำเนียบรัฐบาล ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นภาพยืนยันถึงการ “สลายขั้ว” สลายสีเสื้อได้ดี แม้ว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังยืนงง และทำใจไม่ได้ก็ตาม เพราะทุกอย่างมันพลิกผันได้เร็วมาก
ขณะเดียวกัน สำหรับคอการเมืองแล้ว ก็ย่อมมองออกว่า การถือกำเนิดขึ้นมาของรัฐบาลผสม ที่นำโดย พรรคเพื่อไทย และ นายเศรษฐา ได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 นั้น เป็นเพราะ ส.ว.ในสายของ “ลุงตู่” นั่นแหละ ที่เทเสียงสนับสนุนจนได้เสียงรวมจากสมาชิกรัฐสภาถึง 482 เสียง ดังนั้น การเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ ของ นายเศรษฐา ในวันนั้น จึงมองกันว่าเป็นการเข้าพบเพื่อ “ขอบคุณ” นั่นเอง
หากย้อนกลับไปพิจารณาจากคำพูดของทั้งสองฝ่าย เริ่มจาก นายเศรษฐา ทวีสิน ที่กล่าว ที่พรรคเพื่อไทยหลังเดินทางกลับจากทำเนียบรัฐบาล ว่า เป็นการไปเยี่ยมเยือนและเป็นการเคารพตามมารยาท และ พล.อ.ประยุทธ์ ฝากความเป็นห่วงบ้านเมือง ตนในฐานะเป็นผู้น้อย และเพิ่งได้รับการแต่งตั้งจึงเข้าไปพบ เพื่อปรึกษาหารือว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีอะไรฝากฝังหรือไม่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ก็น่ารักที่พาชมทำเนียบฯด้วย
ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ฝากฝังประเด็นอะไรเป็นพิเศษ ในการบริหารบ้านเมือง นายเศรษฐา กล่าวว่า “ท่านบอกว่าผมมาจากภาคเศรษฐกิจ วิธีการบริหารก็อาจจะแตกต่างกับการบริหารบ้านเมือง ก็มีหลายภาคส่วนที่ต้องคำนึงถึง ให้ระวังด้วย ให้มีความใจเย็น ให้มีความอดทน ดูแลเรื่องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และนโยบายอะไรดีๆ ที่ท่านทำไว้ก็ฝากดูแลต่อด้วย ซึ่งผมก็จะไปพบปะกับคนที่ทำงานให้ท่านมาด้วย โดยจะมีการนัดกันอย่างต่อเนื่อง อะไรที่คิดว่ามีความเหมาะสม เราก็จะทำต่อ”
เมื่อถามว่า ได้ขึ้นไปชมห้องทำงาน ด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ชมหมด ทั้งห้องทำงานและห้องที่เปิดให้เด็กเยี่ยมชมในวันเด็กแห่งชาติ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ท่านไม่ได้นั่งตรงนั้น แต่นั่งห้องเล็กอีกห้องหนึ่ง ซึ่งท่านก็ได้พาไปดู แต่ตนไม่ได้ลองนั่ง
ส่วนจะมีการปรึกษาหารือกันถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี ก็เป็นการพูดคุยกันธรรมดา เป็นเรื่องที่ทำให้บ้านเมืองเดินต่อไป แล้ววันนี้ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง และมาดูแลบ้านเมืองให้ดี ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้เน้นย้ำถึงเรื่องนี้
เมื่อถามว่า เจอกันครั้งแรกกับ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า “เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพครับ ไม่มีอะไร ก็คุยกันดีแบบผู้ใหญ่”
ขณะที่ในวันถัดมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โพสต์ข้อความสื่อสารถึงประชาชนก่อนพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยชี้ให้เห็นถึงความตั้งใจในการทำงานตลอดระยะเวลา 9 ปี ของการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ของประเทศไทย เป็นช่วงเวลาที่มีความหมายมากที่สุดของชีวิต เป็น 9 ปี ที่ได้ทำงานเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของผม และของเราทุกคน
เป็น 9 ปีที่ผมได้ใช้สติปัญญา ทุ่มเททุกศักยภาพ และกำลังความสามารถ สานพลังจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน รวมทั้งเชิดชูสถาบันฯ อันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย และเป็น 9 ปีของประเทศไทยที่ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด มีความเจริญก้าวหน้าในหลายด้านทัดเทียมนานาอารยประเทศ และพร้อมยกระดับไปสู่ประเทศชั้นนำของโลก ในอนาคตอันใกล้นี้
พล.อ.ประยุทธ์ ยังชี้ให้เห็นถึงผลงานที่ทำมาจำนวน 9 ข้อ หรือ 9 ด้าน เช่น เรื่องกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อการขับเคลื่อนประเทศ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ครั้งใหญ่ สร้างเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม 5G รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศ เช่น ซาอุดีอาระเบีย เป็นต้น
เขาย้ำว่า การเดินทางของประเทศไทยในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ราบรื่น หรือง่ายดาย ยังคงมีวิกฤตโควิด วิกฤตความขัดแย้งในโลก ที่ส่งผลกระทบด้านราคาพลังงาน ค่าครองชีพ และเงินเฟ้อจนถึงในปัจจุบัน แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทย ช่วยให้เราฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ และฟื้นตัวมาได้ ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ยังคงผันผวน
“ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อนข้าราชการ และทุกภาคส่วน ที่ได้เสียสละและอดทนในทุกสถานการณ์ที่ผ่านมา เพื่อให้ส่วนรวม สังคม และประเทศชาติ กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง ซึ่งผมมั่นใจอย่างยิ่งว่าประเทศไทยนับจากวันนี้เป็นต้นไป จะไม่ได้เริ่มนับที่ 1 อีกต่อไป หากทุกอย่างที่เราสร้างกันมานั้นได้รับการต่อยอด ก็จะทำให้เราเดินทางเข้าสู่ “เส้นชัย” ได้เร็ววันขึ้นครับ” คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เน้นย้ำในตอนท้าย
แม้ว่าในอนาคตข้างหน้ายังไม่แน่นอน ทุกอย่างยังสามารถผันแปรได้เสมอ แต่ภาพที่ปรากฏให้เห็นอย่างน้อยก็ทำให้การรับส่งต่อเป็นไปอย่างราบรื่นเกินความคาดหมาย และพร้อมๆ กับแนวโน้มของ “ขั้วการเมืองใหม่” ที่จะต้องแข่งขันหรือ “ต่อสู้” กันในทางการเมืองในอนาคต
แต่ขณะเดียวกัน สำหรับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นาทีนี้ถือว่าเป็นการก้าวลงอย่างสวยงามที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมทั้งยังได้ฝากฝังตำแหน่งแห่งที่ให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ จนสามารถเข้ามาร่วมรัฐบาล และยังสร้างพลังต่อรองได้ในระดับที่เกินคาด ดังนั้น หากพิจารณากันถึงสถานการณ์ที่มีอยู่จำกัดแบบนี้ มันก็ถือว่าโอเคที่สุดแล้ว เพราะมัน วิน-วิน กันทุกฝ่าย!!