เมืองไทย 360 องศา
เชื่อว่า หลายคนคงยังไม่ชินกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา ในที่ประชุมรัฐสภา เมื่อ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา วุฒิสมาชิก น้องชายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นกล่าวว่า “เห็นชอบ” นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ พร้อมๆ กับ ส.ว.สายทหาร และพลเรือนอีกจำนวนมากนับร้อยคน จนเกินเสียงสนับสนุนที่ต้องการเสียงข้างมากเพียงหกสิบกว่าเสียงเท่านั้น ทำให้ผ่านไปด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น
แค่นั้นว่ามึนยังไม่หายแล้ว ไม่ทันข้ามวันดีนัก หลังจากที่มีพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว วันรุ่งขึ้น 24 สิงหาคม นายเศรษฐา ทวีสิน ก็ได้เดินทางไปยังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งตามรายงานบอกว่า มีการพูดคุยกันเกือบชั่วโมง บรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น
โดยเมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำ เนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล ด้วยรถยนต์โตโยต้า อัลฟาร์ด สีดำ ทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร โดยเข้าพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ห้องโดมทอง บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล และมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมต้อนรับด้วย
ภายหลังการพูดคุยเสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้พา นายเศรษฐา เยี่ยมชมบริเวณภายในตึกไทยคู่ฟ้า โดยขึ้นชั้นสองไปดูห้องทำ งาน เก้าอี้นายกฯ ห้องสีงาช้าง แวะชมภาพถ่ายอดีตนายกรัฐมนตรีและที่ตึกภักดีบดินทร์อย่างอารมณ์ดี และยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งสองคน
จากนั้นเวลา 11.55 น. ที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้เดินทางออกจากทำ เนียบรัฐบาล ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินมาส่ง เพื่อขึ้นรถบริเวณประตูด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดย นายเศรษฐา ได้ยกมือไหว้ขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยกมือรับไหว้ ซึ่งทั้งสองคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน เป็นการใช้เวลาพบปะพูดคุยกันรวม 45 นาที
จากนั้น นายเศรษฐา เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย ภายหลังเข้าไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำเนียบรัฐบาล และให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการไปเยี่ยมเยือน และเป็นการเคารพตามมารยาท และ พล.อ.ประยุทธ์ ฝากความเป็นห่วงบ้านเมือง ตนในฐานะเป็นผู้น้อย และเพิ่งได้รับการแต่งตั้ง จึงเข้าไปพบเพื่อปรึกษาหารือว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีอะไรฝากฝังหรือไม่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ก็น่ารักที่พาชมทำเนียบฯ ด้วย
ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ฝากฝังประเด็นอะไรเป็นพิเศษ ในการบริหารบ้านเมือง นายเศรษฐา กล่าวว่า “ท่านบอกว่าผมมาจากภาคเศรษฐกิจ วิธีการบริหารก็อาจจะแตกต่างกับการบริหารบ้านเมือง ก็มีหลายภาคส่วนที่ต้องคำนึงถึง ให้ระวังด้วย ให้มีความใจเย็น อดทน ดูแลเรื่องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และนโยบายอะไรดีๆ ที่ท่านทำไว้ก็ฝากดูแลต่อด้วย ซึ่งผมก็จะไปพบปะกับคนที่ทำงานให้ท่านมาด้วย โดยจะมีการนัดกันอย่างต่อเนื่อง อะไรที่คิดว่ามีความเหมาะสม เราก็จะทำต่อ”
เมื่อถามว่า มีการปรึกษาหารือกันถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีก็เป็นการพูดคุยกันธรรมดา เป็นเรื่องที่ทำให้บ้านเมืองเดินต่อไป แล้ววันนี้ต้องก้าวข้ามความขัดแย้งและมาดูแลบ้านเมืองให้ดีซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำ ถึงเรื่องนี้ “ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพครับ ไม่มีอะไร ก็คุยกันดีแบบผู้ใหญ่” นายเศรษฐา กล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์
เมื่อถามว่า เป็นความตั้งใจของนายเศรษฐา หรือไม่ที่ตั้งใจจะเข้าไปพบปะ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเป็นทางการ หลังรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ นายเศรษฐา กล่าวว่า ใช่ และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็บอกว่าเป็นครั้งแรก เป็นประวัติศาสตร์ที่นายกรัฐมนตรีสองคน มาพูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียกัน ฝากฝังบ้านเมืองกัน ซึ่งตนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี นั่นคือ บรรยากาศที่การรายงานออกมาให้เห็นทั้งก่อนการหารือและหลังการหารือมีการเดินมาส่งก่อนขึ้นรถเดินทางกลับ บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น เชื่อว่าหลายคนคงงงไม่หาย ว่า มันเป็นเรื่องจริง หรือความฝัน เพราก่อนหน้านี้ ภาพของ “พรรคสองลุง” คือ พรรคพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ก็ถือว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว และยิ่งได้เห็นภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จับมือพูดคุยกับ นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของ “อีกขั้วอาฆาต” ในอดีต มันก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ แต่ภาพที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถือว่าเป็นความจริงอันน่าพิศวง ซึ่งการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ “ไม่มีอะไรถาวร” อย่างนั้นหรือ
อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันในทางการเมือง ปรากฏการณ์แบบนี้มันย่อมเกิดขึ้นได้เมื่อสถานการณ์ได้ “เปลี่ยนแปลง” ไป และเปลี่ยนเร็วมากจนเรียกว่า “หักมุม” กันเลยทีเดียว เพราะเวลานี้ได้เปลี่ยนแปลง “ขั้วใหม่” ซึ่งสำหรับคอการเมืองย่อมเข้าใจ และมองเห็นกันอยู่แล้ว กลายเป็นว่า เวลานี้ พรรคเพื่อไทย กำลังจะกลายเป็น “แกนนำขั้วใหม่” หรือฝ่าย “อนุรักษ์ใหม่” เพื่อต่อกรกับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งหากกล่าวแบบตรงไปตรงมา ก็คือ มีพรรคก้าวไกลเป็นหัวหอกนั่นแหละ หลังจากภาพของความเป็น “คนละขั้ว” อย่างชัดเจนหลังการเลือกตั้ง
และอย่าได้แปลกใจ ระหว่างที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เข้าพบหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อก่อนเที่ยง วันที่ 24 สิงหาคม นั้น หากสังเกตเนกไท จะเป็น “สีเหลือง” รวมไปถึง “เข็มกลัด” บนหน้าอกด้านซ้ายที่แสดงสัญลักษณ์อย่างชัดเจน ว่าสื่อความหมายถึงอะไร
ขณะเดียวกัน ภาพที่ปรากฏแบบนี้ แน่นอนว่า มันจะทำให้หลายคนยังปรับตัวไม่ทัน ต้อง “ยืนงงในดงเหลืองแดง” และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม ที่มี ส.ว.โหวตสนับสนุนให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ด้วยเสียงกว่า 150 เสียง และหากการพบกันดังกล่าว มองอีกมุมมันก็เหมือนกับการประคอง “รับ-ส่งไม้” ต่อ เพราะสถานการณ์เปลี่ยน คนก็ต้องเปลี่ยน และต้องเปลี่ยนแบบหักมุมจนตามแทบไม่ทัน !!.