ภท. ชี้เหตุจำเป็นต้องรีบมี รบ.ใหม่ เพื่อทำงานต่อเนื่อง ถ่ายโอนงาน รพ.สต.ให้ท้องถิ่น ช่วงเดือน ก.ย.- ต.ค. นี้ เผย 4 ปีที่ผ่านมา พลิกโฉมโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขไว้เพียบ ให้รัฐบาลใหม่มาสานต่อ
วันนี้ (19 ส.ค.) นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ คณะทำงานด้านสาธารณสุข พรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “หมอเอก Ekkapob Pianpises” ระบุถึงการสานงานต่อของรัฐบาลชุดใหม่ ที่จะต้องรีบดำเนินการ และทำงานต่อเนื่อง โดยในช่วงกันยายน-ตุลาคม จะต้องมีการถ่ายโอน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล รพ.สต. จากกระทรวงสาธารณสุข ไปสังกัด อบจ.ทั่วประเทศ ซึ่งเริ่มต้นอย่างจริงจังในปีที่ผ่านมา และ จะมีการถ่ายโอน รพ.สต. ชุดใหญ่ในปีนี้ เชื่อ หากมีรัฐบาลใหม่เร็วเท่าไหร่ก็จะช่วยบริหารจัดการให้การถ่ายโอนราบรื่น และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที โดยการปรับโฉมหน้าระบบการสาธารณสุขปฐมภูมิโดยท้องถิ่น ยังต้องให้เชื่อมโยงกับระบบสาธารณสุขทุติยภูมิ และตติยภูมิ ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ทางไกลที่ทำได้ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ นพ.เอกภพ ยังระบุว่า ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา งานด้านสาธารณสุข ได้มีพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายอย่าง ทั้งเรื่อง ศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์สำหรับงานวิจัย, โรงงานผลิตวัคซีน, โรงงานผลิตหน้ากากอนามัย, แอลกอฮอล์ทางการแพทย์, บรรจุข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข 4 หมื่นกว่าตำแหน่ง, โดยที่ประชาชน ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากการปรับปรุงความครอบคลุมของสิทธิหลักประกันสุขภาพ สามสิบบาทรักษาทุกที่ ที่กำลังจะกลายเป็นสามสิบบาทรักษาถึงที่, มะเร็งรักษาทุกที่, ฟอกไตฟรีทางเส้นเลือด, ผ้าอ้อม/แผ่นรอง ฟรี สำหรับผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยติดเตียง, เจ็บป่วยเล็กน้อย รับยาฟรีที่ร้านขายยาใกล้บ้าน ซึ่งควรจะต้องมีรัฐบาลใหม่เพื่อสานต่องาน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
เรื่องสำคัญต่อสุขภาพของประชาชนทั่วประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ คือ การถ่ายโอน รพ.สต. จากกระทรวงสาธารณสุขไปสังกัด อบจ. ทั่วประเทศ
ต่อเนื่องจากงานของรัฐบาลเดิม ซึ่งหากมีรัฐบาลใหม่เร็วเท่าไหร่ก็จะช่วยบริหารจัดการให้การถ่ายโอนราบรื่น และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที
จากสี่ปีที่ผ่านมาในภาวะโรคระบาด สาธารณสุขไทยได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
ศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์สำหรับงานวิจัย-ที่ในช่วงทุกประเทศต้องการสัตว์ทดลองเพื่อพัฒนาวัคซีน และยาพร้อมกันทำให้ประเทศเราขาดสัตว์ทดลองมาใช้ทดลองในขั้นตอนสำคัญก่อนจะนำมาทดสอบในคน
โรงงานผลิตวัคซีน-ได้รับการพัฒนาให้สามารถผลิตวัคซีนได้เองในประเทศจากหลายเทคนิค วิธีการผลิต จากแต่เดิมเราซื้อวัคซีนจากต่างประเทศแทบทั้งหมด
โรงงานผลิตหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ทางการแพทย์-มีการลงทุนที่เพิ่มซัพพลายในประเทศได้
และในระบบการรักษาผู้ป่วย
ได้มีการบรรจุข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขไปถึง สี่หมื่นกว่าตำแหน่ง ทำให้ผู้ปฏิบัติงานมีความมั่นคงในอาชีพ
สำหรับประชาชน ได้ประโยชน์เพิ่มเติมจากการปรับปรุงความครอบคลุมของสิทธิหลักประกันสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น
- สามสิบบาทรักษาทุกที่ ที่กำลังจะกลายเป็นสามสิบบาทรักษาถึงที่ในรัฐบาลชุดใหม่
- มะเร็งรักษาทุกที่ เพิ่มความสะดวกในการรับบริการของผู้ป่วยมะเร็ง และยังมีการขยายศูนย์รักษามะเร็งให้ครอบคลุมโรงพยาบาลจังหวัดในแต่ละเขตสุขภาพมากขึ้น เพื่อผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางไปรักษาไกลบ้านข้ามจังหวัด
- ฟอกไตทางเส้นเลือดฟรี และ ขยายศูนย์ฟอกไตในระดับอำเภอมากขึ้น
- ผ้าอ้อม/แผ่นรอง ฟรี สำหรับผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยติดเตียง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน
- เจ็บป่วยเล็กน้อย รับยาฟรีที่ร้านขายยาใกล้บ้านที่เริ่มเข้าร่วมโครงการกับ สปสช. มากขึ้นเรื่อยๆ
จนมาถึงการปรับโฉมหน้าระบบการสาธารณสุขปฐมภูมิ ที่มีการถ่ายโอนจากสังกัดกระทรวงสาธารณสุขสู่ท้องถิ่น ซึ่งเริ่มต้นอย่างจริงจังในปีที่ผ่านมา และ จะมีการถ่ายโอน รพ.สต. ชุดใหญ่ในปีนี้
ซึ่งต้องมีการติดตามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อให้ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และต้องมีการวางรากฐานระบบการแพทย์ปฐมภูมิที่ดูแลโดยท้องถิ่น และยังต้องเชื่อมโยงกับระบบสาธารณสุขทุติยภูมิ ตติยภูมิให้ได้เหมือนเดิม และต้องดีกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ทางไกลที่ทำได้ในปัจจุบัน
นี่คือ งานที่ท้าทายรอให้รัฐบาลชุดใหม่ได้เข้ามาบริหารจัดการเพื่อยกระดับระบบสาธารณสุขไทยไปอีกขั้นให้ประชาชนได้มีสุขภาพดี และมีการรักษาพยาบาลที่ต่อเนื่อง เชื่อมโยง